คอลัมนิสต์

จับตา‘เต็งหนึ่ง’ผบ.ทบ.

จับตา‘เต็งหนึ่ง’ผบ.ทบ.

11 ส.ค. 2559

จับตา‘เต็งหนึ่ง’ผบ.ทบ. : ตะลุยกองทัพ โดยจิตตราภรณ์ เสนวงศ์

           สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์เต็มใบ ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะนี้รอเพียงรัฐธรรมนูญฉบับถาวรมีผลบังคับใช้เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “รัฐบาล-คสช.” จะอยู่รอดต่อการบริหารประเทศไปตามโรดแม็พที่วางไว้หรือไม่ จำเป็นจะต้องมีฐานกำลัง หรือขุมกำลัง ในการสนับสนุนค้ำบัลลังก์

           และการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2560 ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะพี่ใหญ่ “บูรพาพยัคฆ์” จะต้องจัดระเบียบกองทัพและบุคคลให้เหมาะสมเพื่อมาสนับสนุนภารกิจในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของบ้านเมือง ที่ขณะนี้มีหลายกลุ่ม หลายก้อน และหลายก๊วน ที่พยายามจุดกระแส จุดประเด็น เพื่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่

           ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพที่จะตบเท้าเกษียณกันในปีนี้ เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เหลือเพียง พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2560 ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะต้องวางคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมือง

           สำหรับนายทหารที่ถูกวางตัวในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมที่จะมาแทน พล.อ.ปรีชา นั้น ถูกวางตัวไปที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่รับหน้าเสื่อเป็นประธานในการตรวจสอข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการราชภักดิ์ จนทำให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นมลทินในเรื่องนี้

           ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดถูกจัดวางมาตามระบบ โดยโผโยกย้ายในปีนี้ นายทหารที่จะมาแทน พล.อ.สมหมาย คือ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร และนายทหารที่จะมาเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศแทน พล.อ.อ.ตรีทศ คือ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง  เสนาธิการทหารอากาศ แต่นายทหารที่จะมาแทน พล.อ.ธีรชัย ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 40 ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์มากที่สุด เพราะจะต้องเข้ามาควบคุมขุมกำลังที่มีมากกว่า 2 แสนนาย

           ที่บอกว่าตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเป็นไฮไลท์ เพราะขณะนี้มีชื่อแคนดิตเดตขึ้นมาอยู่ 2 คน คนหนึ่งคือน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่ส่ง พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก ขึ้นมาคั่วในตำแหน่ง และมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่มีข่าวว่าได้รับการผลักดันจาก พล.อ.ธีรชัย เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ก็เทหมดหน้าตักเท่านั้น จึงทำให้ พล.อ.พิสิทธิ์ และ พล.อ.เฉลิมชัย มีวาระงานที่ไหนจะถูกห้อมล้อมไปด้วยกำลังพล

           แต่ด้วยความที่ พล.อ.พิสิทธิ์ เตรียมทหารรุ่น 17 ที่เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร จึงค่อนข้างมีภาษีกว่า พล.อ.เฉลิมชัย บวกกับ พล.อ.ประวิตร ผู้มีอำนาจตัวจริงในการเคาะรายชื่อ ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ด้วยแล้ว จึงทำให้ชื่อของ พล.อ.พิสิทธิ์ เด่นชัดมาก เพราะเคยทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อยู่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) และไว้วางใจได้ที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันและสร้างความมั่นใจให้ “รัฐบาล-คสช.”

           แม้ว่าตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกจะหยุดนิ่งอยู่ที่ พล.อ.พิสิทธิ์ แล้วก็ตาม แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสกลับตีกลับมาที่ พล.อ.เฉลิมชัย เตรียมทหารรุ่น 16 นายทหารสายรบพิเศษ หลังมีข่าว พล.อ.ธีรชัยได้พูดกลางที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการพิเศษกองทัพบกว่า "หลังเกษียณอายุราชการ ผมจะย้ายออกจากบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) แล้วให้ พล.อ.เฉลิมชัย เข้าไปอยู่ต่อ" คาดกันว่า พล.อ.เฉลิมชัยน่าจะถูกเสนอชื่อเป็น ผู้บัญชาการทหารบก

           เมื่อสถานการณ์ออกมาแบบนี้ ต้องดูท่าทีของ พล.อ.ประวิตรว่าจะออกมาในรูปแบบไหน โดยเฉพาะจะต้องจับตางานวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เพราะจะเปิดมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ให้นายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และนักธุรกิจ ตบเท้าเข้าอวยพร ก่อนที่จะนัดแนะให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพส่งรายชื่อโผทหารกลางเดือนสิงหาคมนี้