คอลัมนิสต์

'เสียงปืนแตก'ในวันประชามติ

'เสียงปืนแตก'ในวันประชามติ

11 ส.ค. 2559

'เสียงปืนแตก'ในวันประชามติ : มนุษย์สองหน้า  โดยแคน สาริกา

          บังเอิญว่า “7 สิงหา วันเสียงปืนแตก” ปีนี้ ตรงกับวันออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ จึงมีนักกิจกรรมฝ่ายต้าน คสช.บางกลุ่มได้หยิบยกวันอันเป็นสัญลักษณ์ของการลุกขึ้นสู้ของชาวนาอีสาน มาปลุกกระแสไม่รับหรือโหวตโน

          สำหรับชาวบ้านนาบัว ไม่ต้องมีคนไปชี้นำ เสียงส่วนใหญ่ของคนแถวถิ่นภูไทเรณูนคร ก็ไม่เห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญ

          ส่วนการจัดงานรำลึกวันเสียงปืนแตก ชาวบ้านนาบัวได้เลื่อนการจัดงานมาเป็นวันที่ 9 สิงหาคม 2559

          51 ปีผ่านมาแล้ว สำหรับเหตุการณ์สำคัญในอดีต ณ หมู่บ้านนาบัว ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ได้มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น

          “โคกหินแฮ่ภูมิใจ ข้าวหลามใหญ่ ปิ้งไก่บ้าน งามตระการผ้าพื้นเมือง ลือเลื่องพานบายศรี รสชาติดีข้าวปุ้นน้ำนัว นาบัวหมู่บ้านประวัติศาสตร์” นี่คือคำขวัญประจำตำบลโคกหินแฮ่

          ส่วนคำขวัญประจำหมู่บ้าน คือ “หมู่บ้านเสียงปืนแตก นัดแรกประวัติศาสตร์ เชื้อชาติเผ่าภูไท ไฉไลผ้ามัดหมี่ ประเพณีบุญแข่งเรือ งามเหลือลำน้ำบัง ผู้คนยังสามัคคี ถิ่นนี้คือนาบัว”

          คำขวัญดังกล่าว อธิบายประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ สังคม และวัฒนธรรม ไว้ชัดเจน

          ระยะหลัง กิจกรรมรำลึกประวัติศาสตร์ “วันเสียงปืนแตก” ได้กลายเป็นงานบุญประจำปีของหมู่บ้านนาบัว และ “อุทยานเรียนรู้ประวัติศาสตร์บ้านนาบัว” ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบต.โคกหินแฮ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          มิติทางประวัติศาสตร์ของวันเสียงปืนแตกนั้น ไม่ได้หมายถึงการประกาศดำเนินสงครามประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเท่านั้น

          หากแต่มันผูกโยงเข้ากับการต่อสู้กู้ชาติของ “คนสองแผ่นดิน” เริ่มตั้งแต่ปี 2490 เมื่อ “เจ้าชายแดง” เจ้าสุพานุวง ส่งคนมาชักชวนให้พี่น้องลาวทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กลับไปร่วมต่อสู้กู้ชาติ

          ชาวภูไทในบ้านนาบัว และหมู่บ้านใกล้เคียง ที่มีบรรพบุรุษอยู่ทางฝั่งซ้าย จึงข้ามโขงไปร่วมขบวนการแนวลาวฮักชาติ ของเจ้าชายแดง

          ปี 2504 นักรบกู้ชาติลาวกลับมาเยี่ยมบ้านนาบัว ข่าวนี้รู้ไปถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จึงนำกำลังมาปิดล้อมเถียงนา ตรงปลายนาบ้านนาบัว ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนใกล้สางของวันที่ 20 สิงหาคม 2504

          นั่นคือ “วันเสียงปืนแตก” ครั้งแรก ณ บ้านนาบัว โดยนักรบชาวนาในนาม “แนวลาวฮักชาติ”

          หลังปี 2506 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้ติดต่อกับแนวลาวฮักชาติ ขอตัวนักรบบ้านนาบัวกลับมาช่วยงานการปฏิวัติไทย โดยศูนย์การนำ พคท.ได้ย้ายมาอยู่ที่เทือกเขาภูพานแล้ว

          “สหายเสถียร” และชาวบ้านนาบัวกลุ่มหนึ่ง จึงข้ามโขงมาปักหลักอยู่บนภูพาน และได้รับคำสั่งจากศูนย์การนำให้ลงไปปฏิบัติงานในที่ราบเรณูนคร

          อันนำไปสู่การปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2508 และเป็นที่มาของ “วันเสียงปืนแตก” ครั้งที่ 2 โดยชาวนาบัวชื่อสหายเสถียร เสียชีวิต

          ปี 2524 ชาวนาบัวกลุ่มหนึ่งที่เป็นสมาชิก พคท.อีสานเหนือ ไม่พอใจศูนย์การนำภูพาน ที่ประกาศต้านพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม พวกเขาจึงแบกปืนข้ามโขงไปร่วม “ขบวนการปฏิวัติไทยใหม่” ที่ก่อตั้งโดยอดีตแนวร่วม พคท.

          เมื่อขบวนการปฏิวัติไทยใหม่ล่มสลาย ชาวนาบัวกลุ่มนี้จึงตั้งรกรากอยู่ที่เมืองมะหาไช มันเป็นตำนานของนักรบสองฝั่งโขง ที่มีนักวิชาการไทยบันทึกไว้บ้างแล้ว

          ตำนาน “นักรบสองฝั่งโขง” ถูกบันทึกไว้ในศูนย์เรียนประวัติศาสตร์บ้านนาบัว ซึ่ง อบต.โคกหินแฮ่ ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ

          พ.ศ.ปัจจุบัน ชาวบ้านนาบัวและหมู่บ้านในอำเภอเรณูนคร ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย

          จึงไม่แปลกที่ในวันลงประชามติ ชาวบ้านนาบัวจะออกเสียงไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญของอาจารย์มีชัย