
ห้ามอาสาสมัครแต่งกายคล้ายตำรวจ
ห้ามอาสาสมัครแต่งกายคล้ายตำรวจ : เรื่องเล่าข่าวดัง โดยภัทรลดา ก้อนทอง
หมวกแก๊ปสีดำ ปักตราสัญลักษณ์พระแสงดาบเขนและโล่ พร้อมชุดเครื่องแบบอาสาสมัครตำรวจสีกรมท่า ซึ่งหากมองในระยะไกล อาจคิดว่าเป็นตำรวจ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงชุดของอาสาสมัครตำรวจที่มีเครื่องแบบการแต่งกายคล้ายกับตำรวจทั่วไปเท่านั้น
การตั้งข้อสงสัยการแต่งกายของบุคคลที่เรียกว่าอาสาสมัครตำรวจหรือตำรวจบ้านนั้น ทำให้ประชาชนหลายคนสงสัยว่า ทำไมอาสาสมัครตำรวจต้องแต่งกายที่คล้ายคลึงกับตำรวจ บางครั้งอาจทำให้ประชาชนผู้พบเห็นเข้าใจผิด เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ที่อาสาสมัครตำรวจบางรายใช้อำนาจเกินขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง เช่น แต่งกายเครื่องแบบคล้ายตำรวจ แอบอ้างหลอกลวงประชาชน ข่มขู่และรีดไถทรัพย์สินจากประชาชน อย่างกรณีเหตุการณ์ที่บริเวณถนนพระราม 3 ย่านบางคอแหลม นายสรยุทธ บัวแก้ว อายุ 19 ปี อ้างตัวเป็นอาสาสมัครตำรวจ ตั้งด่านใช้เชือกขึงกลางถนน รีดทรัพย์ประชาชน ทำให้มีผู้เสียหายและได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และล่าสุดเหตุการณ์ที่ นายวิฑูรย์ กองทรัพย์เจริญ อาสาจราจร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี แต่งกายคล้ายตำรวจแสดงพฤติกรรมข่มขู่ไล่ที่ผู้ค้าในตลาดนัดไนท์ พลาซ่า เหตุเพราะขายสินค้าเหมือนกับภรรยาตัวเอง
พฤติการณ์ไม่เหมาะสมของอาสาสมัครตำรวจบางรายที่สวมเครื่องแบบคล้ายตำรวจกำลังเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายภาพลักษณ์ของตำรวจหรือไม่ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้เร่งปฏิรูปองค์กรตำรวจอย่างต่อเนื่อง
หลายครั้งอำนาจหน้าที่ของอาสาสมัครตำรวจทำให้ประชาชนมีความสับสนเกิดขึ้น เพราะการแต่งกายของอาสาสมัครตำรวจทำให้เกิดความสับสน ประชาชนต่างเรียกร้องให้มีการเข้มงวด และแยกเครื่องแบบจำเพราะให้แก่อาสาสมัครตำรวจ ห้ามไม่ให้แต่งกายที่มีเครื่องแบบคล้ายตำรวจ
นายธาม สายธัยสง ประชาชนที่อาศัยในย่านบางคอแหลม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในย่านบางคอแหลมมีอาสาสมัครตำรวจที่มาช่วยตำรวจเวลาตั้งด่านตำรวจในช่วงกลางคืน แต่เท่าที่เห็นตามกระแสข่าวว่ามีอาสาสมัครตำรวจไปแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด จึงอยากเรียกร้องให้มีการกำหนดชุดเครื่องแบบของอาสาสมัครตำรวจให้มีความแตกต่างจากตำรวจจริง
“ถ้ามีการแยกเครื่องแบบของตำรวจให้แตกต่างจากเครื่องแบบของอาสาสมัครตำรวจ ก็จะทำให้สามารถสังเกตได้ง่ายขึ้น และสามารถแยกแยะได้ถูกว่าเป็นตำรวจหรือาสาสมัคร ที่ผ่านมาก็พบเห็นตามข่าวว่าอาสาสมัครตำรวจแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้อำนาจที่ไม่ใช่ของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง” นายธาม กล่าว
น.ส.จงจิตร ประสงค์แย้ม ประชาชนที่อาศัยในย่านบางคอแหลมอีกราย เคยพบเจออาสาสมัครที่แต่งกายคล้ายตำรวจอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่
“บางที่เราไม่รู้ว่าเขาเป็นตำรวจจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเป็นตำรวจจริงๆ แล้วเราไปพูดไม่ดี ประชาชนก็จะแย่ไปด้วย ที่เราเห็นทั่วไปบางคนเหมือนตำรวจมากๆ ยิ่งตอนกลางคืนเราจะไม่รู้เลย อยากให้แยกแยะชุดการแต่งกาย หรือรูปแบบให้ต่างกันออกไปจะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่เหมือนกับตำรวจ และจะทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจไม่เสียหาย ถ้าหากอาสาสมัครไปทำตัวไม่ดี” น.ส.จงจิตร กล่าว
อาสาสมัครตำรวจ เป็นเพียงแนวร่วมประชาชนที่มีจิตอาสาเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ตำรวจอาสาจะต้องผ่านการคัดเลือกจากตำรวจในพื้นที่ มีถิ่นที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจแห่งนั้นและต้องสอบถามประวัติจากผู้นำชุมชนว่าไม่มีประวัติที่พัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายและจะต้องมีบุคคลที่น่าเชื่อถือรับรองที่สำคัญจะต้องผ่านการฝึกอบรมโดยตำรวจ และมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยเจ้าพนักงานเท่านั้น
พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การคัดเลือกอาสาสมัครตำรวจนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งอาสาสมัครทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมจากตำรวจ ก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะอาสาสมัครตำรวจ ซึ่งอาสาสมัครตำรวจที่ผ่านการอบรมแล้ว ทางตำรวจจะนำมาเป็นผู้ช่วยตรวจร่วม มีสิทธิ์เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน แต่การดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายให้อำนาจนั้น ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ
“สมาชิกอาสาสมัคร สมาชิกแจ้งข่าว หรืออาสาสมัครแนวร่วม จะไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีจิตอาสา และยืนยันว่าอาสาสมัครไม่มีสิทธิ์ในการตั้งด่านตรวจค้น ไม่มีสิทธิ์พกพาอาวุธปืน เพราะฉะนั้นการที่อาสาสมัครจะพกปืนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน หากพบการกระทำเหล่านั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าว
หลังจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเพิ่มความเข้มงวดและกำชับให้หัวหน้าโรงพักทุกสถานี ตรวจสอบพฤติการณ์ของอาสาสมัครตำรวจอย่างใกล้ชิด โดยห้ามไม่ให้แต่งกายคล้ายคลึงกับเครื่องแบบตำรวจ ให้แสดงแถบสัญลักษณ์ที่บ่งบอกชัดว่าเป็นอาสาสมัครอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิด หากใครฝ่าฝืนให้ปลดออกจากอาสาสมัครตำรวจ และหากทำผิดกฎหมายให้ดำเนินคดีทันที