การกลับมาของฤาษีวินัย ยันตระ

 

               สองปีก่อน กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดก็เป็นข่าวดัง มาปีนี้ “ อดีตพระ ยันตระ ” บินเงียบมาที่บ้านชุมชนต้นหาด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมนี้ แต่ไม่รอดหูรอดตานักข่าวท้องถิ่นไปได้ ฉะนั้น การกลับบ้านปากพนังของอดีตพระ ยันตระ จึงตกเป็นข่าวใหญ่อีกหน

 

 

               ปัจจุบัน วินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระ ยันตระ อายุ 64 ปี ดำเนินชีวิตเยี่ยงในอดีตคือ วิถีของ “ฤาษี-นักพรต”

               ข้อมูลวิกิพีเดียที่สื่อทุกสำนักใช้อ้างอิงคือ ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ “ อดีตพระ ยันตระ ” ได้ปฏิบัติตนเป็นฤๅษีอยู่หลายปี ต่อมา ได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

 

 

               แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นฤาษีของอดีตพระ ยันตระ เพราะหาข้อมูลอ่านไม่ได้ในโลกออนไลน์ นอกจากจะเข้าห้องสมุดไปหาหนังสือเก่าๆ มาอ่าน

               เมื่อ 50 ปีที่แล้ว สมัยที่ “เกาะเสม็ด” ยังไม่เป็นอุทยานแห่งชาติ “ชาญ ฮวดสวัสดิ์” ศิลปินหนุ่มหน้าพระลาน หลงใหลในความงาม ความสงบเงียบของเกาะเสม็ด จึงทิ้งชีวิตนักศึกษาคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ไว้แค่ปี 2 แล้วก็หันมาใช้ชีวิตสันโดษอย่างฤาษี ที่บริเวณอ่าวเทียน เกาะเสม็ด

 

ชาญ ฮวดสวัสดิ์

 

               พ.ศ.โน้น บนเกาะเสม็ด มีชาวบ้านอยู่รวมกันเพียง 15 ครัวเรือน แรกทีเดียว "ชาญ" ไม่ได้คิดเป็นนักบวชหรือฤาษีนักพรต โดยตั้งใจทำงานศิลปะอย่างเดียว แต่ในใจนั้น ชาญศรัทธาในชีวิตและผลงานของ รพินทรนาถฐากูร และมหาตมะ คานธี

               ปี 2514 ชาญได้ต้อนรับหนุ่มวัย 20 ปี "วินัย ละอองสุวรรณ" ที่รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต จึงเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่กับรุ่นพี่

               “วินัย” รู้จักเกาะเสม็ด ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ สาขาบริหารธุรกิจ เพราะสถาบันการศึกษาของเขามีการรับน้องที่เสม็ด เช่นเดียวกับศิลปากร เขาจึงรู้จักกับชาญที่มาบำเพ็ญพรตอยู่ในเกาะแห่งนี้

               ต่อมา ชาญกับวินัย ได้ร่วมกันสร้าง "อาศรมสาธนา" ใช้ชีวิตเป็นนักพรต ประพฤติพรหมจรรย์ร่วมกัน ผู้มีธรรมชาติเป็นวิญญาณและชีวิต 

               เมื่อ “ฤาษีชาญ” กับ “ฤาษีวินัย” แห่งอาศรมสาธนาโด่งดัง บรรดาศิลปินหนุ่มหน้าพระลาน ต่างแวะมาเยี่ยมเยือนรุ่นพี่อยู่บ่อยๆ หากใครเคยอ่านนิยายเรื่อง "กลิ่นสีและกาวแป้ง" ของ พิษณุ ศุภ ก็จะได้เห็นตัวละครเหล่านั้นโลดแล่น ภายในอาศรมสาธนา

               อยู่มาวันหนึ่ง ฤาษีวินัยเริ่มเบื่อสภาพที่เป็นอยู่ จึงแยกทางกับฤาษีชาญ และอำลาเกาะเสม็ด มุ่งสู่โลกใบใหม่

 

 

               ฤาษีวินัยได้เดินทางจากเสม็ดไปสู่เนปาล อินเดีย ถ้ำเขาสาริกา นครนายก ถ้ำแก้วสุรกาญจน์ นครศรีธรรมราช และถ้ำลานพระแก้ว ภูกระดึง เมืองเลย

               ปี  2517 ฤาษีวินัย ปลีกตัวออกจากหนทางนักพรต บวชเป็นพระภิกษุ ส่วนฤาษีชาญนั้น กลับไปใช้ชีวิตทางโลกโดยสมบูรณ์แบบ มีเมีย มีลูก

 

 

               ปี  2527 - 2537 จัดว่าเป็นปีทองของ " พระ ยันตระ อมโรภิกขุ " พระหนุ่มรูปงาม เคร่งครัดในศีลาจารวัตร เป็นพระปฏิบัติกรรมฐาน มีสำนักชื่อว่า "สุญญตาราม" ตั้งอยู่ จ.กาญจนบุรี

               สื่อทุกแขนงต่างประโคมข่าว "คิวทอง" ของพระอาจารย์ ยันตระ เพราะว่าเป็นข่าวขายได้ สื่อบางสำนักยกย่องให้เป็นซูเปอร์สตาร์ เพราะญาติโยมแทบจะเหยียบกันตายเพราะคลั่งไคล้พระอาจารย์ ยันตระ

 

 

               ปี 2537 พระ ยันตระ เป็นข่าวโด่งดัง หลังจากมีสีกากลุ่มหนึ่งร้องเรียนไปยังกรมการศาสนาว่า " ยันตระ " ประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณเพศ เพราะได้ไปล่อลวงสีกาชื่อ "จันทิมา มายะรังษี" ไปเสพเมถุนจนตั้งครรภ์ และคลอดบุตรสาวออกมา 

               พระ ยันตระ ปฏิเสธที่จะเจาะเลือดตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศไปโดยทันที โดยที่คดีดังกล่าวยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของศาล

 

 

               จากกรณีอื้อฉาวขึ้นกับพระอาจารย์รูปงาม ต้อง "ปาราชิก" ขาดจากความเป็นพระนับแต่วันเดินทางไปใช้ชีวิตในสหรัฐฯ 

               ภาพอดีตพระ ยันตระ ที่เห็นในวันนี้ จึงไม่ต่างจากภาพของฤาษีนักพรตแห่งเกาะเสม็ด

               ผู้สร้างตำนานต่อแพท่องทะเล แสวงหาความหมายของชีวิต