ถ้ามองถึงความร่วมมือ ไทยกับจีน ระหว่างรัฐบาล คสช. - รัฐบาลจีน ก็นับว่าหอมหวาน
กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ ระหว่าง “พี่ใหญ่” อย่างจีน ที่พยายามวางกล้าม ขยายอิทธิพล ด้วยปัจจัยหนุนทั้งอำนาจทางการเมือง ทางทหาร และทางเศรษฐกิจ เป็นตัวกระตุ้นชั้นดี ให้เปิดศึกรอบด้านกับบรรดาประเทศอาเซียนแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ล่าสุดผลตัดสินของศาลอนุโญตุลาการ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพิ่งตัดสินตามที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นคำร้องว่าจีนอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็ชัดเจนว่าฟิลิปฟินส์มีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่จีน
แต่ดูเหมือนคำตัดสินของศาลจะไม่มีผลใดๆ กับพี่ใหญ่แดนมังกร เพราะประกาศท่าทีชัดว่าไม่รับคำตัดสิน
ส่วนท่าทีของไทย แม้จะเห็นความกร่าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ด้วยมารยาททางการทูต หรือด้วยความเกรงใจในภาวะการเมืองยุคนี้ ที่อิงไหล่รัฐบาลวอชิงตันได้ไม่เต็มที่เหมือนก่อน เลยทำได้เพียงประกาศจุดยืนว่า หากทุกฝ่ายทำตามแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (ซีโอซี) จะทำให้เกิดสันติภาพ มีเสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ถ้ามองถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาล คสช.กับรัฐบาลจีน ก็นับว่าหอมหวาน ดูได้จากโครงการระดับใหญ่ ที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งความร่วมมือรถไฟ ไทยกับจีน ข้อตกลงซื้อเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท หรือแม้แต่โครงการขุดคลองไทย ที่มีการศึกษากันมาอย่างยาวนาน แถมจีนจ้องตาเป็นมัน พร้อมทุ่มเงินลงทุนแบบเต็มกำลัง
เพราะจุดนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่จะดันให้จีนแผ่อิทธิพลในอาเซียนได้อย่างที่ฝัน โดยเฉพาะเส้นทาง 9เอ จากสงขลาทะลุออกกระบี่ ระยะทาง 135 กม. ตามที่ สปท.สายทหารกลุ่มหนึ่งหยิบมาปัดฝุ่นตั้งท่าจะเสนอผู้มีอำนาจ พร้อมแนบท้ายสรรพคุณยาวเหยียด
ทว่า ยังไม่ทันไร “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ก็ออกมาประสานเสียงพร้อมพี่ใหญ่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม แล้วว่าไม่มีความคิดจะทำโครงการดังกล่าว ด้วยแรงต้านและยังมีอะไรต่อมิอะไรที่สำคัญต้องทำมากกว่านี้
ทำท่าว่าโครงการขุดคลองไทยเชื่อมทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จะถูกจับโยนลงถัง หรือแช่แข็งเอาไว้อย่างเดิม
แต่ก็มีเสียงแว่วจากคนใกล้ชิด “บิ๊กตู่” ว่า เหตุที่ต้องแตะเบรกไอเดีย สปท.สายทหาร ตามข้อเสนอที่ต้องการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาผลดีผลเสียในการดำเนินการขุดคลองเส้นดังกล่าวนั้น ก็เพราะกลัว “เพื่อนซี้” จะลำบาก จะโดนโจมตี เพราะเปิดหน้าหนุนเรื่องนี้เต็มตัว
แต่ถึงอย่างนั้น วงในก็พูดกันว่า งานนี้ “บิ๊กตู่” ยังไม่ปิดประตูตาย
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ข้อเสนอจากปักกิ่ง คือ พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขที่ยากจะรับได้ คือ จะขอเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ 2 เกาะที่เกิดจากการถมทะเลขึ้นใหม่ในอ่าวไทยและอันดามัน โดยจะมีการสร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีโรงแรม สนามกอล์ฟ และท่าเรือน้ำลึก
ด้านมุมมองของ รศ.ดร.สถาพร เขียววิมล อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ (คลองไทย) วุฒิสภา ก็ออกโรงเชียร์เต็มตัวว่า เส้น 9เอ เหมาะสมที่สุด ด้วยหลายปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะปัจจัยทางเศรษฐกิจ จะเป็นการพลิกโฉมประเทศครั้งใหญ่แทนที่การสร้างความมั่งคั่งด้วยภาคการเกษตรที่นับวันมีแต่จะถดถอย
“เชื่อว่าช้าหรือเร็วต้องเกิด ซึ่งจีนอยากได้เส้นทางนี้แน่นอนถ้าทำระหว่างนี้ เรายังมีศักยภาพพอจะต่อรองได้ แต่วันหนึ่งที่เขายิ่งใหญ่ขึ้นกว่านี้ เชื่อว่าเราจะถูกบีบให้ทำ และถ้าจะทำรัฐบาลนี้ง่ายที่สุด ก็อยู่ที่รัฐบาลจะจับเรื่องนี้หรือไม่” รศ.ดร.สภาพร ระบุ
เรื่องความเขี้ยว ของพี่ใหญ่อย่างจีนนั้น ไม่เป็นสองรองใคร ข้อเสนอล่อใจที่ดูดีในทุกเหลี่ยมมุม ล้วนมีจุดที่ทำให้โครงการสะดุดลงได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นเรื่องผลประโยชน์ ถ้าได้ไม่ตามเป้าแล้ว ตวัดนิ้วดีดลูกคิดดู ยังไงจีนก็ไม่มีทางยอมเข้าเนื้อแน่ๆ
ตัวแปรรอบด้าน จึงนับเป็นตัววัดใจ รัฐบาลและ คสช.ว่าจะซอยเท้าตามจีนทุกสเต็ปหรือไม่ ท่ามกลางยุทธศาสตร์แผ่ขยายอิทธิพลในย่านนี้ของจีน โดยมองไทยเป็นชิ้นปลามัน ที่จะตอบโจทย์เรื่องโลจิสติกส์ทั้งทางบกและทางทะเล
เรื่องนี้จึงต้องจับตาทุกฝีก้าวของจีนว่าจะเดินหมากอย่างไร ในจังหวะที่ศึกทะเลจีนใต้พร้อมปะทุขึ้นทุกเมื่อ และนั่นจะเป็นตัวเร่งเกม บีบอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือจะงัดฟุตเวิร์กขั้นเทพ หลบซ้ายหลบขวา ลุ้นกันต่ออีกยาว เพราะดูแล้วไฟท์นี้ก็ไม่ใช่งานง่ายของจีน เพราะลึกๆ แล้ว ผู้มีอำนาจตัดสินใจต่างรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
พลาดนิดเดียวผลลัพธ์อาจจะตามหลอนคนไทยไปทั้งชีวิต
ดังนั้น โอกาสจึงมีสูงที่เรื่องนี้จะเป็น “อิมพอสซิเบิลโปรเจกท์” เหมือนที่เคยเป็นมาในทุกยุค!!
---------------------
(ขยายปมร้อน : “ ขุดคลองไทย ” กับสัมพันธ์ “ ไทย-จีน ” : โดย...ณัฐภัทร พรหมแก้ว สำนักข่าวเนชั่น)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง