
วัดป่ากับแมกไม้
วัดป่ากับแมกไม้ : ไปสู่ถนนดินลูกรัง โดย เฉลิมศักดิ์ แหงมงาม
เมื่อหกเจ็ดปีผ่านมา ผมรับราชการอยู่อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด มีชาวบ้านรายงานผ่านมาทางโทรศัพท์ วัดป่าแห่งหนึ่งกำลังตัดไม้ยืนต้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แอบลักลอบตัด ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวัดป่าแถบตำบลสาวแหหรือไม่ก็ดุกอึ่ง
ผมรีบให้ อส.ขับรถนำไปตรวจทันที พอผ่านเข้าไปอาณาบริเวณวัดเท่านั้น ผมถึงกับตะลึงกับสภาพผืนป่าที่แลเห็น เพราะมันคือดงไม้ใหญ่ ไม้แต่ละต้นสูงทะยานเสียดฟ้าอย่างที่ผมไม่เคยเห็น ป่าในวัดกว้างใหญ่ไพศาลนับหลายร้อยไร่ ล้วนแมกไม้สูงใหญ่ยืนเบียดเสียด มีเพียงกุฏิครึ่งปูนครึ่งไม้หลังเล็กๆ ซ่อนอยู่ด้านหลังสุดเกือบชิดภูเขา รวมถึงองค์เจดีย์กระเบื้องดินขอโบกปูนขนาดไม่ใหญ่นัก สูงประมาณห้าหกเมตร สร้างอยู่ใกล้ๆ กัน นอกนั้นป่าทั้งสิ้น
มีการลักลอบตัดไม้ ผมเห็นชาวบ้านกำลังเลื่อยไม้ทำฝาและเสาเป็นท่อนๆ กองอยู่ นัยว่าห้องครัววัดถูกพายุพัด ต้นไม้ใหญ่ล้มทับ หลังคายุบ มัคนายกวัดต้องซ่อมให้อยู่สภาพเดิม ไม้ที่ตัดน่าจะเป็นไม้เนื้ออ่อน นำไปใช้กรณีจำเป็นจริงๆ ตัดลงเพียงไม่กี่ต้น เป็นไม้ประเภทไม่หวงห้าม ผมจึงไม่มีสิทธิ์จับ ดังนั้นผมจึงถือโอกาสเดินเข้าไปถามไถ่หลวงพ่อเจ้าอาวาส รวมถึงภิกษุในกุฏิครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ซ่อนในดงไม้รกเรื้อหลังนั้น เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมและอยากรู้ว่าพระป่าอยู่อาศัยกันอย่างไร
ผมได้ความรู้ว่า สงฆ์วัดนี้อยู่กับป่าจริงๆ รักษาป่าอย่างดีเยี่ยม ป่าในวัดที่เห็น จึงค่อนข้างสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันสงฆ์แต่ละรูปต้องคอยระวังสัตว์เลื้อยคลานประเภทงู ตะขาบที่เลื้อยเข้าไปในกุฏิ รวมถึงหมีควายกลางป่าเขาที่เข้ามารุกรานในบางค่ำคืนหรือบางวัน
ผมเห็นไก่ตัวเล็กๆ ประเภทไก่แจ้ เดินคุ้ยเขี่ยข้างๆ กุฏิบริเวณลานร่มไม้ รวมถึงสุนัขและสัตว์บ้านบางชนิดที่ผมจำได้ไม่ชัดเจนเดินไปมา แต่ก็รู้ว่า วัดแห่งนี้รักษาธรรมชาติ มวลชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกันไว้อย่างดี มวลชีวิตในโลกนี้ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เข้ามาวัด จึงได้รับความร่มเย็น แทบไม่มีละอองไอร้อนผ่านเข้ามาให้สัมผัส เป็นเหตุให้เมื่อผมไปทำงานพื้นที่อื่น จังหวัดอื่น ผมมักเข้าไปในวัดป่าสม่ำเสมอ
วัดป่าเกือบทุกแห่งรักแมกไม้ ป่าสีเขียวคือชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าจึงขึ้นรกเรื้อ มีวัดแห่งหนึ่งในหนองฮี ไปสร้างในดงลึก มีหลักฐานที่ดินประเภทเช่าที่รัฐเป็นหลักฐาน สร้างกุฏิในดงไม้ ป่าล้อมรอบแน่นขนัด ผมต้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อยืนยันความเป็นวัด ทว่าก็ยังอุตส่าห์สร้างกำแพงล้อมรอบเสียสวยงาม ป้องกันคนบุกรุก มองไปรอบๆ ก็ยังเห็นป่าเขียวชอุ่ม กุฏิไม้หลังเล็กๆ ซ่อนอยู่ในดงไม้ใหญ่ เกือบจะกลายเป็นความน่ากลัวกลางป่าเปลี่ยว
วัดป่าส่วนใหญ่ที่ผมเห็นช่วยรักษาป่า บางแห่งเหมือนจะกลับกลายเป็นแหล่งป่าไม้เขียว ใจกลางโอเอซีสในหมู่บ้านกันไปเลย นอกนั้น คือป่าตายซากชาวบ้านบุกรุก หักร้างแผ้วถางทำไร่เลื่อนลอยเกือบหมด มนุษย์เป็นสัตว์เห็นแก่ตัว ปัจจุบันยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ค่านิยมบูชาเงินเป็นพระเจ้า ทำให้ชาวบ้านบุกเข้าไปในผืนป่ากลับกลายเป็นภูเขาหัวโล้น โดยเฉพาะภาคเหนือ แถบจ.ตากและน่าน
ต่างจากวัดในเมืองยุคสมัยนี้ ที่เดินตามเทคโนโลยีโลกทุนนิยมทุกฝีก้าว สร้างโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าพระราชวัง ทั้งที่พระพุทธเจ้าทรงหนีจากพระราชวังมาอยู่ป่า น่าเศร้านะ ทำไมหลักศาสนานั้นแปรเปลี่ยน จากความเป็นอยู่ที่พอเพียง กลับกลายเปลี่ยนความคิดเป็นมหาเศรษฐี จึงไม่แปลกที่จะเห็นวิหารพระคล้ายโรงแรมที่ป่าเขาใหญ่