
จากใจครูถึงครูอิ๋วนิสิตป.บัณฑิตมหาจุฬาฯเหยื่อฆ่าโหด
จากใจครูถึงครูอิ๋วนิสิตป.บัณฑิตมหาจุฬาฯเหยื่อฆ่าโหด ฝากภาครัฐวางมาตรการป้องดีกว่าแก้ปัญหาไปวันๆ : สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร รายงาน
เหตุการณ์สะเทือนขวัญ คนร้ายฆ่าปาดคอ น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา หรือครูอิ๋ว อายุ 27 ปี ครูโรงเรียนแสงวิทยา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะจับกุมนายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ชาว จ.สระบุรี พร้อมกับกระแสเรียกร้องให้ลงโทษขั้นประหารชีวิตขณะเดียวกันก็มีเสียงคัดค้าน
บัดนี้ร่างอันไร้จิตอยู่อาศัยของครูอิ๋วได้ถูกนำไปตั้งบำเบ็ญกุศลที่วัดบ้านค้า ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด วัดประจำหมู่บ้านเกิดและจะฌาปนกิจวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ท่ามกลางความเศร้าโศกของพ่อแม่ ญาติ มิตรสหายและคนรู้จัก
ครูอิ๋วนั้นป็นครูสอนวิทยาศาสตร์และคณิตที่โรงเรียนแสงวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนเป็นเวลา 3 ปีแล้ว นางจันศรี โทวรรณา อายุ 57 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า “ผู้ตายเป็นลูกสาวคนสุดท้องในพี่น้องจำนวน 3 คน หลังจากจบปริญญาตรีก็ไปเป็นครูโรงเรียนเอกชนที่ จ.สระบุรี เข้าปีที่ 3 แล้ว เงินเดือนแต่ละเดือนก็แบ่งส่งให้ทางบ้าน และส่งตัวเองเรียนต่อด้วย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ ลูกสาวเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี และคิดดีกับทุกคน”
จากการกล่าวของนางจันศรีที่ว่า "ส่งตัวเองเรียนต่อ" นั้นทำให้ทราบว่าครูอิ๋วกำลังศึกษาต่อในระดับป.บัณฑิตคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เพราะภาพที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนนั้นครูอิ๋วใส่เสื้อสีส้มประจำคณะครุศาสตร์และมีตราสัญลักษณ์ของ มจร
พระสรวิชญ์ อภิปญฺโญ หัวหน้าภาควิชาจิตวิทยาการและการแนะแนว คณะครุศาสตร์ มจร ซึ่งเคยเป็นครูสอนครูอิ๋ว กล่าวถึงความรู้สึกว่า ครูอิ๋วเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของชาติ เป็นความหวังของพ่อแม่ที่จะฝากผีฝากไข้ในวัยชรา เป็นลูกหลานที่ดีเป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูล เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนและเป็นคู่หัวใจของคนที่เป็นที่รัก ชีวิตกำลังจะก้าวเดินไปตามวิถีทางของปุถุชนคนธรรมดา แต่ต้องมาจบชีวิตด้วย"อสุรกาย" ที่แอบแฝงอยู่ในร่างกายของมนุษย์
"หากจะโยนให้เป็นเรื่องของกรรมเก่าคงไม่ใช่ทั้งหมด กรรมปัจจุบันต่างหากที่สังคมจะต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ขอฝากหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนโปรดเมตตาประชาชนมองเห็นวิกฤติของปัญหานี้อย่างเร่งด่วน การคิดหาวิธีการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นดีกว่าการแก้ปัญหาไปวันๆ" พระสรวิชญ์ กล่าว
ขณะที่พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท/เอก สาขาสันติศึกษา มจร กล่าวไว้อาลัยว่า ส่วนตัวแล้วเข้าใจถึงความเจ็บปวดอันเกิดจากการที่ครอบครัวโทวรรณณา ญาติสนิทมิตรสหาย และลูกศิษย์ทั้งหลายต้องสูญเสียคุณครูจุฬารัตน์ไปโดยไม่มีวันกลับ โดยเฉพาะการสูญเสียในลักษณะที่ถูกกระทำด้วยความทารุณ เหตุผลที่เข้าใจก็เพราะตัวเองได้สูญเสียศิษย์รักทั้งสอง คือ โต้ง และเบนซ์ อันเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หน้ามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 ทั้งที่อีกคนกำลังรับปริญญาและอีกคนกำลังไปแสวงบุญที่อินเดีย ในขณะที่คุณครูอิ๋วกำลังจะจบการศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต ของคณะครุศาสตร์ มหาจุฬาฯ เพื่อออกไปรับใช้สังคมโดยการสอนลูกศิษญ์ที่เฝ้ารอคอยครูด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
หากมองชีวิตของชายหนุ่มที่ก่อการทำร้ายครู และมองชีวิตของครูที่กำลังทุ่มเทกายใจเพื่อรับใช้ลูกศิษย์นั้น พบว่า คนหนึ่งสะสมความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง จนระเบิดความรุนแรงต่อคุณครูของเด็กๆ และพรากคุณครูออกไปจากอ้อมกอดของเด็กๆ คนหนึ่งต้องมาเป็นเครื่องมือในการรองรับความรุนแรงโดยไม่มีทางต่อสู้และขัดขืน ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งพากันป่าวร้องให้ใช้ความรุนแรงโต้ตอบโดยการประหารชีวิตให้สมกับความรุนแรงที่ได้สร้างขึ้น แต่คนกลุ่มหนึ่งกลับบอกว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อเอาชนะความรุนแรงโดยการประหารชีวิตให้ตกตายไปตามกันนั้น ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน อีกทั้งไม่สอดรับกับหลักสากล
คุณครูได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อเป็นเหยื่อของความรุนแรง หากพูดได้คุณครูคงอยากจะตะโกนบอกด้วยถ้อยคำและบทเรียนมากมาย และแน่นอนว่า ด้วยบุคลิกที่นุ่มนวลและให้เกียรติคนรอบข้างอยู่เสมอมา สิ่งหนึ่งที่ครูอยากจะบอกก็คือ ถึงเวลาแล้วที่คุณครูในโลกนี้ต้องช่วยกันสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาเพื่อสันติภาพ กล่าวคือ เน้นสอนให้ลูกศิษย์ครูได้เรียนรู้ที่จะเคารพ และถนุถนอมชีวิตของคนอื่นๆ ในสังคม เรารักความสุข เกลียดกลัวความทุกข์ ฉันใด คนอื่นๆ แม้กระทั่งครูก็รักความสุขเกลียดกลัวความทุกข์ ฉันนั้นเหมือนกัน
หากผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิต ไม่เห็นด้วยที่จะเอาชนะความรุนแรงด้วยความรุนแรงโดยการประหารชีวิตนั้น สิ่งที่จะต้องกลับมาหาทางแก้ไขในระยะยาวคือ "การศึกษาเพื่อสันติภาพ" ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้พลเมืองเกิด "สันติวัฒนธรรม" โดยการรัก เคารพ และให้เกียรติชีวิตของคนอื่นๆ ในสังคม อันจะส่งผลเชิงบวกต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
วันนี้ คุณครูจุฬารัตน์เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยความเสียสละ กล่าวคือ เป็นทั้งผู้เสีย และเป็นผู้สละชีวิตของคุณครูเพื่อเป็นเครื่องสังเวยแก่ความรุนแรงไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณครูได้เสียสละลมหายใจของครูเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้คุณครูทั้งหลายในโลกนี้ได้ช่วยกันอบรม ดูแล เอาใจใส่เด็กๆ ทั้งหลายมิให้ออกมาทำร้ายครูและคนอื่นๆ ดังที่ปรากฏอีก ฉะนั้น จึงได้เวลาแล้วที่สังคมจะหันกลับมากระตุ้นให้รัฐบาล กระทรวง หรือสถานศึกษาได้จัดหลักสูตรการศึกษาเพื่อสันติภาพอย่างเป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมต่างๆ มิฉะนั้นแล้ว เจ้าความรุนแรงก็จะหวนกลับมาพรากคุณครูจากอ้อมกอดของเด็กๆ คนแล้วคนเล่าท่ามกลางความเจ็บปวด เสียงร้องไห้ และหยาดน้ำตาของคุณครู พ่อแม่ และลูกศิษย์ของคุณครู
ขอบุญญาบารมี กุศลราศีทั้งมวล ที่คุณครูจุฬารัตน์ได้ประพฤติปฏิบัติตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ โดยการทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาลูกศิษย์อย่างเต็มกำลังความสามารถ ได้โปรดเป็นพลวปัจจัยเป็นอุปนิสัยตามส่งให้ดวงวิญญาณของครูไปสู่สุคติในสัมปรายภพ สมดังเจตนาปรารภของครูและเราท่านทั้งหลาย ตลอดไปเทอญฯ
ทางด้าน ดร.เกษม แสงนนท์ ในนามคณาจารย์ผู้บรรยายวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา มจร ที่ครูอิ๋วศึกษาอยู่ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเป็นการไว้อาลัยความโดยสรุปว่า
"กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ, กิจฺฉํ มจฺจานชีวิตํ, กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ, กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท. ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นการยาก, ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก, การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก และการอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก (ขุททกนิกาย ธรรมบท)
เมื่อได้ข่าวรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง เพราะเคยให้นิสิต ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ปีการศึกษา 2557-2558 ของคณะครุศาสตร์ มจร ได้ฝึกอ่านภาษาบาลี หลังจากการไหว้พระและทำสมาธิ ก่อนที่จะเรียนวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา พร้อมได้อธิบายให้เข้าใจความหมาย รวมทั้งให้ฝึกอ่านหรืออธิบายบทอื่นๆ เพิ่มเติมเท่าที่มีเวลา เช่น บทโอวาทปาฏิโมกข์ อริยสัจ 4 และมรรค 8 ในธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร ไฟที่สุมใจเราให้รุ่มร้อน 3 กองคือราคะ โทสะ โมหะ ในอาทิตตปริยายสูตร และความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของรูปนาม ขันธ์ 5 ที่ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ในอัตตลักษณสูตร เป็นต้น
และได้กำชับกับศิษย์ ป.บัณฑิตทุกคนว่า ขอฝากเรื่องไตรสิกขาไปบูรณาการกับการศึกษา ผ่านคุณครูทั้งหลายให้ไปถึงนักเรียนด้วย เพราะมนุษย์เรานั้น นอกจากจะต้องเรียนรู้เพื่อทำมาหากินเหมือนคนอื่นๆ ที่เป็นโลกียปัญญา หรือดวงตาทางโลก เราควรมีความรู้หรือตาอีกข้่างหนึ่งด้วย นั่นคือ รู้ว่าคนเรามีส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ รูปนาม หรือ กายกับใจ ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติให้สมดุลกันด้วยศีล สมาธิ ปัญญา หรือมีโลกุตตรปัญญา หรือดวงตาทางธรรม จึงจะดำเนินชีวิตที่มีสุขแท้จริงได้
ส่วนการสอนนักเรียนนั้น ก็ขอให้บูรณาการตามแนวของ "สัทธรรม 3" คือให้นักเรียนได้เรียนรู้ครบทั้ง 3 ลักษณะคือ ให้รู้และเข้าใจหลักการของเรื่องนั้นก่อน เรียกว่า ปริยัติ ให้สามารถปฏิบัติได้หรือทำได้จริงตามหลักวิชา เรียกว่าปฏิบัติ และให้สามารถบูรณาการหรือนำไปใช้แก้่ปัญหาหรือการทำงานจริงได้ เรียกว่าปฏิเวธ (โดยเทียบเคียง เพราะปฏิเวธหมายถึงการบรรลุธรรม) ครูควรเรียนรู้หลักธรรมเหล่านี้เพื่อจะได้มีหลักในการครองตน และฐานะเป็นครูซึ่งจะต้องแนะนำสั่งสอนนักเรียนด้วย นี่คือแนวทางที่ข้าพเจ้าได้บูรณาการกับการสอนของตนเอง และได้ถ่ายทอดแก่นิสิต ป.บัณฑิต ซึ่งนิสิตก็ชอบตามด้วยเป็นอย่างดี
ครูอิ๋ว จุฬารัตน์ เป็นนิสิต ป.บัณฑิตวิชาชีพครู รุ่นที่ 1 ห้อง 5 เลขที่ 9 รหัส 5701602129 ที่มีความกระตือรือร้น ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ การเรียน ป.บัณฑิต ซึ่งเป็นหลักสูตรพิเศษที่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องกระบวนการเรียนการสอน วิชาหนึ่งๆ จะต้องเรียนเต็มเวลาเช้าถึงเย็น ห้ามขาด ห้ามสาย และงานสั่ง งานฝึกต่างๆ เยอะมาก แต่นิสิตรุ่นที่ 1 ทุกคน รวมทั้งครูอิ๋วก็สามารถฟันฝ่าไปได้อย่างทรหดและสำเร็จด้วยดี จะได้รับใบประกอบวิชาชีพอยู่แล้ว แต่ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดนี้ขึ้น และไม่มีโอกาสได้แก้ตัวหรือแก้ไขอะไรอีกเลย จึงได้แต่รู้สึกเสียใจแทนครอบครัว นักเรียนที่ครูสอนอยู่ เพื่อนๆ และผู้อยู่เบื้องหลังของครูอิ๋วทุกคน นี่หรือคือสัจจธรรมชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่กำหนดได้ยากยิ่ง
เหตุการณ์นี้ เป็นอีกวาระหนึ่งที่พุทธพจน์ข้างต้นนั้นมีความประจักษ์ชัดแก่ใจข้าพเจ้าอย่างยิ่ง การเกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สติปัญญาครบถ้วน พร้อมพัฒนาต่อไปได้นั้นเป็นของยาก (เพราะผู้จะเป็นมนุษย์ทีสมบูรณ์ครบทุกด้านนั้นในอดีตต้องเป็นผู้มีศีล สมาธิ ปัญญา บริบูรณ์) และการรักษาชีวิตให้อยู่ดำรงคงอยู่อย่างปลอดภัยโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ยิ่งยากขึ้่นทุกวัน ดังนั้น เราก็ควรดำรงอยู่อย่างผู้มีปัญญาด้วยการศึกษาและสดับสัทธรรม มีสติ มีวิจารณญาณ และไม่ประมาทในทุกกาลและทุกสถานที่
ตามข่าวบอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน และเป็นอดีตนักโทษเกี่ยวกับเรื่องการประทุษร้ายเพศตรงข้าม นั่นยิ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจของไฟ 3 กองคือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่รุนแรงจนทำให้ขาดสติ ไม่สามารถยับยั้งตนเอง ไฟนี้อยู่กับใครมากก็จะถูกเผามาก และลามไปเผาคนอื่นด้วย ถ้าอยากมีชีวิตยืนนานก็ต้องอยู่ห่างจากไฟดังกล่าว ระมัดระวังตนทุกขณะ สิ่งควรทำคือ มีสติเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ เพื่อนดูแลเพื่อน คนในชุมชนดูแลกันและกัน ทางบ้านเมืองต้องมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ยิ่งขึ้น ส่วนผู้ก่อเหตุก็ควรดำเนินการตามกฎหมายขั้นสูงสุดเท่านั้น
เป็นมนุษย์ไม่ง่ายดังใครคิด มีชีวิตไม่ง่ายดังใครฝัน ถ้าประมาทพลาดไปมลายพลัน บุญกุศลเท่านั้นคือหลักชัย ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของศิษย์คนนี้ ขอบุญกุศลจงนำดวงวิญญาณของครูจุัฬารัตน์ (อิ๋ว) โทวรรณา ไปสู่สุคติและมีแต่สันติสุขในสัมปรายภพ"
ประเมินจากพฤติการณ์ตามคำกล่าวของครูบาอาจารย์ของครูอิ๋ว สามารถมั่นใจได้ว่า ครูอิ๋วไปสู่สุคติอย่างแน่นอน
........................
(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Kasem S. Mcu)