คอลัมนิสต์

'ใส่ ภูทอง'คนสองแผ่นดิน

'ใส่ ภูทอง'คนสองแผ่นดิน

16 มิ.ย. 2559

'ใส่ ภูทอง'คนสองแผ่นดิน :  มนุษย์สองหน้า   แคน สาริกา

          เมื่อไม่กี่วันมานี้ สมเด็จฮุน เซน และคณะ ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร แบบเงียบๆ เพื่อมาเยี่ยม “สหายอาวุโส” ที่พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพระรามเก้า และการมาครั้งนี้ก็เพื่อการกล่าวคำร่ำลาครั้งสุดท้าย

          วันที่ 13 มิถุนายน 2559 “ใส่ ภูทอง” วัย 96 ปี สหายอาวุโสแห่งพรรคปฏิวัติประชาชนกัมพูชา ได้จากไปอย่างสงบ

          “ลุงใส่” หรือ ใส่ ภูทอง เป็นชาวกัมพูชาเชื้อสายไทย หรือ “ไทยเกาะกง” เนื่องจากในอดีต “เกาะกง” คือ จ.ปัจจันตคิรีเขตร ของราชอาณาจักรสยาม ด้วยแรงบีบของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส สยามต้องลงนามในพิธีสารฉบับลงวันที่ 29 มิถุนายน 2447 ส่งมอบ จ.ปัจจันตคิรีเขตร ให้แก่ฝรั่งเศส

          ชาวไทยจำนวนมากที่ไม่อยากอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสได้อพยพมาอยู่ที่เกาะกูด และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และเมื่อกัมพูชาได้เอกราช คนเกาะกงก็เป็นพลเมืองกัมพูชาโดยสมบูรณ์

          ปัจจุบันในเกาะกงมีชาวไทยอยู่ในเกาะกงเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น

          ในช่วงที่มีการต่อสู้กู้เอกราช “ใส่ ภูทอง” ได้มีบทบาทในการนำพา “ชาวไทยเกาะกง” เข้าร่วมการต่อต้านฝรั่งเศส จนกัมพูชาได้รับเอกราช

          หลังจากนั้น “ลุงใส่” ได้นำเอาความคิดปฏิวัติมาเผยแพร่ในเกาะกง และมีความสัมพันธ์กับปัญญาชนกัมพูชาที่ได้ก่อการจัดตั้งพรรคปฏิวัติ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

          แต่ “ลุงใส่” กับพลพรรคไทยเกาะกง จะมีความใกล้ชิดกับทางเวียดนามมากกว่า ดังนั้นเมื่อ “เขมรแดง” ยึดครองกัมพูชา จึงมีปฏิบัติการไล่ล่าไทยเกาะกง

          ช่วงที่หนีการไล่ล่าจากเขมรแดง ทำให้ “ลุงใส่” กับพลพรรคไทยเกาะกง ได้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ที่ได้แอบช่วยเหลือไทยเกาะกงแบบลับๆ

          ปี 2522 “ลุงใส่” ได้เข้าร่วมกับกลุ่มคอมมิวนิสต์กัมพูชาอีก 4 กลุ่มที่แยกตัวออกมาจากเขมรแดง จับมือกันเป็น “แนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชา” โดยการสนับสนุนของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนับแสนคน เข้ายึดกรุงพนมเปญ และประกาศโค่นล้มระบอบเขมรแดง

          จากนั้นสหายนักปฏิวัติกัมพูชาได้ร่วมสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา” ขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2522 โดย เฮง สำริน ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ และ “ลุงใส่” เป็นรองประมุขรัฐ

          ด้านหนึ่ง พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา ก็เป็นองค์กรนำสูงสุด และในเวลานั้นมี สหายเจียซิม, สหายเฮง สำริน และสหายใส่ ภูทอง

          คนไทยเกาะกงอีกคนหนึ่งที่ยังมีบทบาทในรัฐบาลกัมพูชา คือ พล.อ.เตีย บัน รัฐมนตรีกลาโหม และไม่แปลกใจเลยที่ “เตีย บัน” จะพูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำกับนักข่าวไทย

          ปี 2528 กรมการเมืองพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา ได้ประชุมปรึกษาหารือกันว่า เห็นควรจะให้สหายคนไหนเป็นนายกรัฐมนตรี

          “ลุงใส่” เป็นผู้ที่เสนอชื่อ “ฮุน เซน” ซึ่งเวลานั้นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยสหายอาวุโสมองเห็นความเป็นผู้นำ และความสามารถในการบริหารประเทศ จึงโน้มน้าวให้กรมการเมืองคนอื่นเห็นด้วย

          ในที่สุด กรมการเมืองก็ลงมติเลือก “ฮุน เซน” เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีอายุน้อยที่สุด นับแต่มีการก่อตั้งประเทศกัมพูชา

          บั้นปลายของชีวิต “ลุงใส่” ขอกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดใน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และเทียวไปเทียวมาระหว่างคลองใหญ่กับโรงพยาบาลพระรามเก้า จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

          ด้วยความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเช่นนี้ สมเด็จฮุน เซน จึงบินเงียบมาคารวะ “ลุงใส่” เป็นครั้งสุดท้าย

          ศพ “ลุงใส่” จะตั้งอยู่ที่ศาลาศิริวงษ์ราษฎร์ศรัทธานุสรณ์ วัดคลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด คาดว่าจะสวดพระอภิธรรมเพียง 5 วัน ญาติพี่น้องก็จะจัดงานฌาปนกิจตามประเพณี

          “ผมจำได้ทุกสถานการณ์ และทุกสิ่งที่เราได้รับรู้ร่วมกันเพื่อความอยู่รอดและความก้าวหน้าของประเทศ”

          นี่คือข้อความที่สมเด็จฮุน เซน เขียนถึง “ลุงใส่” ที่หน้าเพจสมเด็จฮุนเซนฯ