คอลัมนิสต์

เช็คลิสต์ หลักสูตร 'องค์กรอิสระ'

เช็คลิสต์ หลักสูตร 'องค์กรอิสระ'

07 พ.ค. 2559

เช็คลิสต์ หลักสูตร 'องค์กรอิสระ' ใครทำอะไร เอื้อคอนเนคชั่นหรือไม่

เมื่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุว่าจะอกกฎหเกณฑ์จัดแถว หลักสูตรต่างๆขององค์กรอิสระ  และจะไม่อนุญาตให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้  หากต้องการจัดก็จะต้องให้ผู้เรียนเป็นผู้ออกเอง  อีกทั้งยังหามาตรการในการป้องกันการหาคอนเนคชั่นเช่น ห้ามคนในองค์กรที่จัดหลักสูตรเป็นผู้เข้าไปเรียน  ทำให้ ทีมข่าว "คมชัดลึก" ออนไลน์"  ได้ตรวจสอบ หลักสูตรพิเศษของเครือข่ายองค์กรอิสระ ว่ามีหลักสูตรอะไรบ้าง 
 
 
 
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
 
 
                    เปิดหลักสูตร ชื่อว่า “นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง หรือ นยปส.” ปัจจุบันเปิดมาแล้ว 7 รุ่น วัตถุประสงค์ คือ เพื่อสร้างผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติงานที่โปร่งใส รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในภารกิจสำคัญ คือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่เป็นรูปธรรม โดยหลักสูตร นยปส.มีงบสนับสนุนจาก ป.ป.ช.เป็นหลัก และใช้เวลาอบรมประมาณ 8 เดือน ขณะที่ผู้จะเข้ารับการอบรมได้ ต้องผ่านคุณสมบัติสำคัญ คือ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงาน เช่น ในราชการ ต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับอธิบดีขึ้นไป หรือเทียบเท่า, ตำรวจและทหาร ต้องมียศพันตรีขึ้นไป, เป็น ส.ส., หรือ ส.ว. เป็นต้น นอกจากนั้นผู้สมัครต้องไม่อยู่ระหว่างการสอบสวนทางวินัยและอาญา หรืออยู่ระหว่างถูกไต่สวนตามมติ ป.ป.ช.ด้วย
 
                    สำหรับผู้ที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตร นยปส.ที่มีชื่อเสียง อาทิ นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี, นายอำพล วงศ์ศิริ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), นายณรงค์ รัฐอมฤต ขณะที่เรียนหลักสูตรดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งต่อมาได้รับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช., นายวรวิทย์ สุขบุญ อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ป.ป.ช., นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เป็นต้น
 
                    นักศึกษาหลักสูตร นยปส.ที่ผ่านการอบรม “มานะ นิมิตรมงคล” เปิดใจถึงหลักสูตรที่ได้อบรมว่า “สิ่งที่ได้คือการแลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมอบรมมากกว่าการสอนตามหลักสูตร เพราะเรื่องคอร์รัปชั่นปัจจุบันมีความหลากหลายและล้ำหน้าไปเสมอ ฐานะที่ตนอยู่ในภาคเอกชนและได้เข้าอบรมสามารถนำสิ่งที่ได้ไปประยุกต์ใช้ และในการทำงานสามารถเข้าใจข้าราชการ นักการเมืองมากขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในการป้องกันการคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ เมื่อจบหลักสูตรผู้เข้าร่วมอบรมยังสามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและขอความรู้ หรือคำแนะนำต่อการทำงานได้ในภายหลัง
 
                    “จากกรณีที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีคนเข้าไปหาผลประโยชน์จากการเข้าอบรมในหลักสูตร ต้องดูวัตถุประสงค์ของหลักสูตรด้วยว่า จะเน้นที่การสร้างเครือข่ายหรือเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อองค์ความรู้ คือถ้าเน้นการสร้างเครือข่ายอย่างเดียวก็ชวนสงสัยแล้วว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ สำหรับผมมองว่าหลักสูตรนี้ควรมี เพราะหากให้ข้าราชการนั่งคุยกันเอง โดยไม่เข้าใจวิธีคิดของเอกชน การทำงานอาจขาดความรอบด้าน” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ระบุ
 
 
 
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
 
 
                    เปิดหลักสูตร ชื่อว่า “การพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง หรือ พตส.” โดยปัจจุบันเปิดมาแล้วทั้งสิ้น 7 รุ่น วัตถุประสงค์คือ พัฒนาบุคลากรของพรรคการเมือง ด้วยการแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การให้ความรู้เรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เรื่องการเลือกตั้ง ตามหลักสูตรนี้จะใช้เวลาอบรมประมาณ 8 เดือน โดยใช้งบจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง สำหรับผู้เข้าร่วมอบรมนั้น ในส่วนของภาคการเมือง กกต.จะเป็นถูกคัดเลือกและทาบทามอดีต ส.ส., กรรมการบริหารพรรคการเมือง ส่วนหน่วยงานรัฐจะเจาะจงเชิญผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย
 
                    หลักสูตรที่ผ่านพ้นไป พบบุคคลสำคัญที่เข้ารับการอบรม อาทิ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา, พล.อ.ณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
 
                    อดีต ส.ส.กทม. "รัชดา” กล่าวถึงหลักสูตรที่เพิ่งได้เข้าอบรมว่า เนื้อหาจะเน้นเกี่ยวกับการพัฒนาการเลือกตั้ง และภาพรวมของประชาธิปไตยในประเทศไทย ทั้งนี้ระหว่างการอบรมจะยกตัวอย่างศึกษาของต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมาประกอบ โดยส่วนตัวมองว่าเนื้อหามีประโยชน์ และเหมาะกับการเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รับรู้ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าการเข้ารับอบรมเป็นการสร้างคอนเนกชั่นของผู้เรียนนั้น ถือเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แต่ละคนใช้ความสัมพันธ์ดังกล่าวในทางที่ถูกไหม อย่างหลักสูตรนี้ถ้าผู้เรียนที่เป็นตัวแทนจากเอกชนเห็นความสำคัญของการพัฒนาการเมือง แล้วเอาความรู้นี้ไปเผยแพร่ต่อ ก็จะเกิดประโยชน์ แต่ถ้าใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือสิทธิพิเศษ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
 
 
เช็คลิสต์ หลักสูตร \'องค์กรอิสระ\'
 
ศาลรัฐธรรมนูญ
 
 
                    เปิดหลักสูตรชื่อ “หลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย” หรือ นธป. ซึ่งปัจจุบันมี 4 รุ่น โดยมีวัตถุประสงค์ เสริมสร้างจิตสำนึกของผู้อบรมทั้งภาครัฐและเอกชน ให้สอดคล้องกับวิถีการปกครองตามหลักนิติธรรม ในระบอบประชาธิปไตย และสามารถนำความรู้ไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดได้ รวมทั้งสร้างเครือข่าย ชุมชนทางวิชาการด้านรัฐธรรมนูญด้วย โดยหลักสูตรนี้ใช้เวลาอบรบประมาณ 9 เดือน และใช้งบประมาณประจำปีของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
 
                    สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมอบรม ต้องเป็นผู้นำหรือตัวแทนองค์กรที่คณะกรรมการเห็นเหมาะสม กรณีเป็นข้าราชการตำรวจ และทหาร ต้องมียศนายพลขึ้นไป และข้าราชการตั้งแต่ผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นไป โดยผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรนี้มี นายชวน หลักภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, ศ.ดร.อุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.), ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาชิกสภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) โดยรุ่นปัจจุบันมีผู้เข้าร่วม อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ, นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 เป็นต้น
 
                    “ดร.อุดม” เล่าถึงสมัยที่เข้าอบรมรุ่นที่ 3 คร่าวๆ ว่า หลักสูตรนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมแต่ละคนมีความเข้าใจในเรื่องของกฎหมายมากขึ้น ตามสายงานของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่ได้จากหลักสูตรนี้คือประสบการณ์ในทางปฏิบัติด้วย เพราะที่ผ่านมาจะใกล้ชิดกับงานประเภทตำรามากกว่า และเมื่อเป็น กรธ.ต้องยอมรับว่าความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย การเมือง รวมถึงในส่วนของคนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับกฎกติกาจากหลักสูตรนี้ ทำให้มีความมั่นใจกับสิ่งที่กำลังทำมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าหลักสูตรนี้มีประโยชน์มาก
 
                    “ทั้งนี้ในส่วนที่คนติติงว่า เรื่องของความสัมพันธ์ของคนที่เข้าหลักสูตรที่มีความสนิทกัน จนนำมาสู่คำถามว่าจะมีการช่วยเหลือกันจนเกินควร หรือช่วยวิ่งเต้นอะไรหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ร่วมอบรมจะมีความสนิทกัน ไม่ว่าจะหลักสูตรไหนก็ตาม แต่ปัญหาคือคนเราไปใช้ความสัมพันธ์ดังกล่าวในทางที่ผิด ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์จะชี้ขาดว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ไม่ได้ ถ้าใช้ในทางที่ดีเช่นแลกเปลี่ยนความรู้ ก็คือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเกิดขอบเขตก็จะกลายเป็นระบบอุปถัมภ์” โฆษก กรธ. กล่าว
 
 
 
ศาลยุติธรรม
 
 
                    เปิดหลักสูตรชื่อ “ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง” ปัจจุบันมี 20 รุ่น ซึ่งหลักสูตรนี้มีหลักการและเหตุผลว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยยังคงต้องพัฒนาให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น โครงการนี้จะช่วยสร้างองค์ความรู้ให้แก่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ผู้บริหารระดับสูงของทุกองค์กร ทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นแนวทางให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ไปศึกษา หรือนำไปใช้ รวมถึงสร้างความร่วมมือทางการศาลยุติธรรม และทางวิชาการ ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างสถานะและบทบาทศาลยุติธรรมในเวทีระหว่างประเทศ โดยโครงการดังกล่าวมีระยะเวลาอบรมประมาณ 10 เดือน และใช้งบประมาณของสำนักงานศาลยุติธรรม
 
                    คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมอบรมจบการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี จะต้องมีตำแหน่ง อาทิ ข้าราชการศาลปกครองและศาลยุติธรรม ระดับรองอธิบดีขึ้นไป, ตำรวจและทหารยศพันตรีขึ้นไป, ผู้บริหารระดับสูงทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับงานยุติธรรม, ทนายความที่ได้รับการเสนอชื่อจากสภาทนายความ ซึ่งมีอายุงานไม่ต่ำกว่า 20 ปี เป็นต้น และจะต้องไม่อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนทางวินัยและอาญา ถูกพักราชการ ถูกดำเนินคดีอาญา ถูกศาลสั่งล้มละลาย ซึ่งที่ผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรนี้มี พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ สมาชิก สปท., นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. เป็นต้น
 
                    “พล.อ.จิระ” ในฐานะผู้อบรมรุ่นที่ 16 กล่าวถึงหลักสูตรนี้ว่าส่วนมากจะเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาล อัยการ ตำรวจ ทหาร ความมั่นคง ซึ่งมีหลากหลาย สิ่งที่เรียนรู้จากหลักสูตรนี้ได้ใช้แน่นอนเพราะมีหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมด้านทหารอยู่แล้ว ต้องบอกว่าเป็นสิ่งดีที่มีหลักสูตรดังกล่าว ส่วนตัวว่า ณ ปัจจุบันนี้หลักสูตรดังกล่าวก็ยังคงมีความจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ส่วนคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง อย่างนักธุรกิจ ก็ยังได้ประโยชน์จากหลักสูตรนี้ ซึ่งเขาก็ได้รู้ระบบงานกระบวนการยุติธรรมว่ามีการดำเนินงานอย่างไร และเข้าใจวิธีการดำเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องขึ้น
 
 
 
ศาลปกครอง
 
 
                    มี 2 หลักสูตรคือ 1.“กฎหมายปกครองสำหรับผู้บริหารระดับสูง” หรือ กปส. มีทั้งหมด 3 รุ่น โดยมีหลักการและเหตุผลเพื่อให้ผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาครัฐมีความเข้าใจในหลักกฎหมายมหาชน กฎหมายปกครอง ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงวิธีพิจารณาคดีปกครอง เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามหลักนิติธรรม ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งหลักสูตรนี้ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการบริหารจัดการภาครัฐที่ดีด้วย โดยหลักสูตรนี้มีระยะเวลาอบรมประมาณ 8 เดือน
 
                    ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวใช้งบจากการเก็บค่าลงทะเบียนคนละ 9.8 หมื่นบาท โดยคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องตำรงตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูง หรือพร้อมที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวของหน่วยงานรัฐและเอกชน, ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญ, ตำรวจและทหารยศพันเอกขึ้นไป
 
                    2.หลักสูตร “ผู้บริหารการยุติธรรมระดับสูง” หรือ บยป. ซึ่งปัจจุบันมี 6 รุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับหลักปฏิบัติราชการ จากแนวคำพิพากษาของศาลปกครอง เสริมสร้างความรู้ในวิทยาการสมัยใหม่ด้านการบริหาร และสร้างประสบการณ์ของนักบริหารยุคใหม่
 
                    หลักสูตรนี้มีระยะเวลาอบรมโดยประมาณ 8 เดือน โดยมีงบประมาณจากการลงทะเบียนของผู้สมัครคนละ 1.75 แสนบาท ซึ่งคุณสมบัติของผู้เข้าอบรมจะต้องดำรงตำแหน่ง ข้าราชการตุลาการ อัยการ ข้าราชการฝ่ายพลเรือน หรือสายงานอำนวยการระดับสูง สายงานวิชาการระดับเชี่ยวชาญขึ้นไป หรือสายงานระดับบริหารระดับต้นขึ้นไป ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา ผู้บริหารองค์กรอิสระ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารองค์การมหาชน ผู้บริหารองค์กรเอกชน และนักการเมือง
 
 
 
---------------------
 
(ตรวจแถวหลักสูตร 'องค์กรอิสระ' ต่อสายป่าน สานสัมพันธ์ ? : โดย...จักรวาล สาเหล่ทู่)