คอลัมนิสต์

ป่าไม้ที่อีสาน

ป่าไม้ที่อีสาน

20 เม.ย. 2559

ป่าไม้ที่อีสาน : ไปสู่ถนนดินลูกรัง โดยเฉลิมศักดิ์ แหงมงาม

            ผมเพิ่งกลับมาอยู่บ้าน จ.ตาก เมื่อวันผ่านมานี่เอง หลังจากไปพักอยู่กรุงเทพฯ ร่วมสัปดาห์ ไปเสวนากับเพื่อนๆ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ที่บ้านพี่อุปถัมภ์ กองแก้ว นักเขียนนักกลอนชื่อดัง รวมถึง ดร.สมเกียรติ รักษ์มณี อาจารย์ภาษาไทยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และสมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักเขียนกลอนรักหวานหยดย้อย สำนวนลีลาพอๆ กับสุนทรภู่อย่างไรอย่างนั้น

            กลับถึงบ้าน อ.เมืองตาก ก็สัมผัสกระไอความแล้งร้อนผะผ่าว จนนึกเห็นใจนายกรัฐมนตรี รวมถึงเพื่อนข้าราชการที่กำลังร่วมต่อสู้ความแล้งร้อนในขณะนี้ ที่สายแม่น้ำวังกลับกลายเป็นทะเลทรายไปแล้ว เมื่อผมเห็นภาพในไลน์ที่เพื่อนข้าราชการส่งมาให้ยล

            เย็นย่ำ ผมเอาสปริงเกลอร์มากระจายสายน้ำรดสนามหญ้าหน้าบ้าน ด้วยสงสารผืนหญ้ากำลังจะแห้งกรอบตายซาก จากนั้นผมก็รดต้นไม้ที่ผมปลูกรอบๆ บ้าน รวมถึงหลังบ้าน ต้องยอมที่จะให้ใครเขาด่าว่าไม่ประหยัดน้ำ เพราะยิ่งไม่รดน้ำต้นไม้รอบๆ บ้าน มีหวังผมได้อยู่กับกระไอความแล้งร้อนมากยิ่งขึ้นเป็นแน่

            ช่อมะม่วง เป็นสีดำสนิทบนกิ่งคาคบ ส่วนหนึ่งร่วงพรูเต็มลานดินกว้าง เป็นสีดำผงถ่านกระดำกระด่างไม่น่ามอง บ่งบอกว่า ปีนี้มะม่วงจะออกผลน้อย เพราะช่อรวงตายซากเกือบสิ้น

            แล้งไร้น้ำเกือบหมด โชคดีบ้านผมปลูกเกือบติดแม่น้ำปิงห่างไม่ถึงร้อยเมตร แม้จะมีถนนหมู่บ้านคั่น อีกทั้งห่างเขื่อนภูมิพลไม่น่าจะถึงหกสิบกิโลเมตร จึงถือว่าโชคดีอยู่ริมแม่น้ำกว้างใกล้เขื่อน ปริมาณและพลังแรงแห่งสายน้ำน่าจะเพียงพอต่อการต่อสู้ภัยแล้งในระยะเดือนสองเดือนข้างหน้านี้

            แต่ผืนดินไกลเขื่อนออกไปนี่สิ จะทำอย่างไร

            ผมนึกถึงป่าไม้ที่อีสาน ผมว่าเดี๋ยวนี้ผืนป่าอีสานน่าจะเขียวชอุ่มชุ่มชื่นพอๆ กับป่าทางภาคเหนือ ผมเคยรับราชการอยู่ที่นั่น อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด นึกถึงทีไร จะมองเห็นภาพป่าเขียวชอุ่ม สระน้ำกว้าง ร่มฉำฉาใหญ่กางให้ร่มเงากับผิวดินกลางหมู่บ้าน ป่าบางแห่งอยู่ใกล้ศาลปู่ตา ศาลเจ้าแห่งบรรพบุรุษ ปู่ย่า ตายาย ของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะรักษาป่าบริเวณนั้นยิ่งชีวิต แม้กระทั่งวัดป่าที่ตั้งสำนักกระจัดกระจายอยู่ในผืนป่ากว้างในแดนดินถิ่นอีสานก็ตาม ส่วนใหญ่จะมีป่าไม้ควบคู่เสมอ ไม่ใช่ป่าตายซาก ทว่าเป็นป่าที่แมกไม้ขึ้นทะมึนสูงเสียดฟ้า

            ต่างจากป่าภาคเหนือยามนี้ เต็มด้วยไฟป่า ฝุ่นผง ควันไฟ หมอกควันเต็มไปหมด มองฝ่าออกไปทางไหนแทบไม่เห็นภาพเบื้องหน้า นอกจากกลุ่มควัน บดบังพื้นที่เกือบทั่วสารทิศ

            ทำไมภาคที่มีป่าและภูเขาคือชีวิต แต่กลับไม่รักผืนป่าที่ตนเองอยู่อาศัย ผมไม่เข้าใจ จ้องแต่จะทำลายเพียงถ่ายเดียว แล้วจะเหลือแหล่งน้ำใต้ดินละหรือ

            สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเสด็จฯ ผ่าน ทอดพระเนตรลงมาที่ป่าฟากตะวันตกแถบ อ.อุ้มผาง อ.แม่ระมาด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พระองค์ท่านถึงกับทรงพระราชปรารภว่าภูเขาหัวโล้นนับวันจะมีมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่า จ.แพร่ จ.น่าน ในอดีต ที่เคยตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเงินตรากันอย่างจริงจัง

            ทุกอย่างในพื้นที่ยังเงียบฉี่ ไม่กระโตกกระตาก ทั้งที่พระองค์ท่านทรงพระราชปรารภเกือบทุกปี เมื่อเสด็จฯ เยี่ยมเยือนชนกลุ่มน้อย ชาวไทยภูเขาแถบชายแดน

            เหมือนมีความเห็นแก่ตัวซ่อนเร้น ไม่เฉพาะผู้ตัดไม้ทำลายป่า อาจรวมถึงข้าราชการว่า จะมีจิตสำนึกเหมือนที่พระองค์ท่านทรงพระราชปรารภหรือไม่...หรือเพียงปากว่าตาขยิบ.