
อุบัติเหตุรถไฟชนรถบัส
อุบัติเหตุรถไฟชนรถบัส : กระดานความคิด โดยศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย
จากอุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟล่าสุด กรณีรถไฟนำเที่ยวชนรถบัส 2 ชั้น ที่บริเวณจุดตัดทางรถไฟระหว่างวัดสุวรรณ-วัดงิ้วราย อ.นครชัยศรีจ.นครปฐม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บกว่า 30 รายนั้น เป็นจุดตัดทางรถไฟจุดเดียวกับที่เคยเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถบรรทุกขนดินที่ทำให้คนขับเสียชีวิต และศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ เคยไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน แต่ในครั้งนั้นจุดนี้ยังเป็นจุดตัดทางรถไฟรูปแบบทางข้ามทางรถไฟแบบเสมอระดับและมีการติดตั้งป้ายจราจรเพียงอย่างเดียวเท่านั้นต่อมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเข้าที่จุดเดิม กรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบถนนเส้นนี้อยู่ จึงได้ติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติขึ้น ซึ่งเครื่องกั้นนี้ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการส่งมอบให้การรถไฟฯ เครื่องกั้นจึงยังไม่ได้เปิดใช้งาน แล้วก็มาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนี้ขึ้นเสียก่อน
ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบลักษณะการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พบว่าเหตุการณ์เริ่มจากรถบัสวิ่งบนถนนที่คู่ขนานมากับทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟวิ่งตามหลังรถบัสมาในทิศทางเดียวกัน จากนั้นรถบัสได้เลี้ยวซ้ายเพื่อจะข้ามผ่านทางรถไฟ โดยระยะทางหลังจากการเลี้ยวจนถึงจุดตัดค่อนข้างสั้น หรือกล่าวได้ว่า พอรถบัสเลี้ยวซ้ายไปก็กำลังจะข้ามทางรถไฟพอดี ดังนั้นในขณะที่รถบัสกำลังตีวงเพื่อเลี้ยวนั้น คนขับรถบัสอาจจะกำลังใส่ใจกับการตีวงเลี้ยวเพื่อไม่ให้เฉี่ยวชนกับรถกระบะที่สวนมาอีกทางหนึ่งอยู่ โดยอาจไม่ได้มองว่ากำลังมีรถไฟวิ่งเข้ามา ประกอบกับจุดตัดนี้มีการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ แต่ยังไม่เปิดใช้งาน แม้จะมีการติดตั้งป้ายบอกว่าเครื่องกั้นถนนยังไม่เปิดใช้งาน แต่ถ้าไม้กั้นเปิดอยู่ ถ้าคนขับไม่ได้อ่านป้ายก็จะเข้าใจว่าคงไม่มีรถไฟกำลังผ่านเข้ามา ทำให้ไม่ได้ระวังหรือหันไปมองรถไฟที่กำลังวิ่งมา
ในบริเวณจุดตัดทางรถไฟนั้น ตัวเครื่องกั้นเองก็เป็นสิ่งที่บดบังระยะการมองเห็น แต่ในกรณีนี้ ถ้าเครื่องกั้นเปิดใช้งานแล้ว ระยะการมองเห็นที่ใช้ในการมองรถไฟก็จะมีความจำเป็นน้อยลง เพราะการวิ่งผ่านจุดตัดทางรถไฟจะถูกควบคุมด้วยเครื่องกั้นอัตโนมัติ นอกจากนี้พยานบนรถบัสบอกเล่าว่า มีการเปิดเพลงเสียงดังในรถ ทำให้คนขับรถบัสอาจไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟในขณะนั้น ก็อาจเป็นข้อสันนิษฐานอีกประการหนึ่งที่ทำให้คนขับไม่ทันได้ระวังรถไฟ พอเห็นรถไฟที่กำลังวิ่งเข้ามาในระยะใกล้ ตัวรถก็คร่อมอยู่บนทางรถไฟแล้ว จะตัดสินใจที่จะทำอะไรก็คงไม่ทันเสียแล้ว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยทางด้านผู้ขับขี่ (Human Factor) มีผลอย่างยิ่งต่อการเกิดอุบัติเหตุ ในขณะขับขี่มนุษย์เราต้องใช้ประสาทสัมผัสในการรับรู้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น หรือการได้ยิน ในขณะที่ต้องทำการควบคุมรถอยู่บนท้องถนนด้วย การรับรู้ของมนุษย์ (Perception) จึงมีอยู่อย่างจำกัดในระหว่างการขับขี่ยานพาหนะ และเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว มนุษย์ก็ต้องการระยะเวลาในการตัดสินใจและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (Reaction) ยิ่งสถานการณ์ในการตัดสินใจยากมากขึ้นเท่าไร เวลาที่ใช้ในการตัดสินใจและตอบสนองต่อเหตุการณ์ก็นานมากขึ้นเท่านั้น ความคาดหวัง (Driver Expectation) ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์หรือผู้ขับขี่คาดหวังว่าจะได้เจอ หรือคาดหวังว่าจะเป็นในระหว่างการขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีนี้ เมื่อไม้กั้นอัตโนมัติเปิดอยู่ คนขับรถบัสจึงไม่คาดคิดว่าจะมีรถไฟวิ่งผ่านมา และไม่ทันได้ระวัง เมื่อคนขับรถบัสรับรู้ หรือเห็นรถไฟในระยะอันใกล้แล้วนั้น คนขับก็ต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจและตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในกรณีนี้การรับรู้และการตอบสนองนั้นกลับไม่ทันเสียแล้ว
ดังนั้นผู้ออกแบบหรือผู้รับผิดชอบดูแลถนน ควรออกแบบถนนให้ตรงตามความคาดหวังของผู้ขับขี่ และออกแบบถนนโดยเข้าใจการรับรู้และการตอบสนองต่อการรับรู้ของผู้ขับขี่ได้ ในกรณีนี้ ถ้ามีการคลุมเครื่องกั้นถนนและสัญญาณอัตโนมัติด้วยผ้าสีดำ บ่งบอกให้ชัดเจนว่าเครื่องกั้นยังไม่เปิดใช้งาน ผู้ขับขี่จะรับรู้ว่าเครื่องกั้นยังไม่เปิดใช้งานและอาจมีรถไฟวิ่งผ่านได้ทำให้ผู้ขับขี่จะคอยระมัดระวังเวลาขับผ่านทางรถไฟ ข้อมูลเพียงอย่างเดียวที่แจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบว่าเครื่องกั้นยังใช้งานไม่ได้ คือ ป้ายที่ติดตั้งไว้บอกว่าเครื่องกั้นยังไม่เปิดใช้งาน ก็ควรมีการติดตั้งป้ายบอกนี้เป็นระยะๆ มากกว่า 1 ป้ายก่อนที่จะถึงจุดตัดทางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใดที่รถจะวิ่งเข้ามาผ่านทางรถไฟก็ตาม เพราะการติดตั้งเพียงป้ายเดียว หากผู้ขับขี่พลาดในการอ่านป้ายนั้น ก็จะไม่ได้รับรู้ข้อมูลอีกเลย และป้ายที่ติดตั้งก็ควรเป็นป้ายมาตรฐาน ที่ผู้ขับขี่คาดว่าถ้าเห็นป้ายนี้จะเป็นป้ายจราจรที่ใช้บอกข้อมูลในการขับขี่ ควรเป็นป้ายที่สะท้อนแสงด้วย สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืนเช่นเดียวกัน การใช้ป้ายที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้ผู้ขับขี่ยิ่งละเลยที่จะอ่านป้ายนั้นๆ เพราะอาจมองว่าเป็นป้ายที่ใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น เช่น ป้ายโฆษณาต่างๆ
จากกรณีอุบัติเหตุรถบัสชนรถไฟในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ขับขี่นั้นกระทำผิดพลาดได้เสมอ ผู้รับผิดชอบและผู้ดูแลถนนก็ควรออกแบบถนนหรือติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจรและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยบนถนนที่สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่นั้นทำผิดพลาดให้น้อยที่สุด ตัวผู้ขับขี่เองก็ต้องมีความระมัดระวัง มีสติให้มากขณะขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะในการขับรถผ่านจุดวิกฤติ เช่นจุดตัดทางรถไฟ ซึ่งมักพบเห็นบ่อยครั้งในหลายกรณีอุบัติเหตุว่า คนขับรถถูกเบี่ยงเบนความสนใจ (distract) ด้วยกิจกรรมอื่นภายในรถ เช่น ฟังวิทยุ คุยโทรศัพท์ คุยกันภายในรถ จึงทำให้ไม่ทันได้ระวังว่ากำลังมีรถไฟผ่านมาและถูกรถไฟชนขณะข้ามทางรถไฟในที่สุด
สุดท้ายนี้ สำหรับเรื่องอุบัติเหตุจุดตัดรถไฟที่เกิดขึ้นเป็นประจำนั้น ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ อยากเน้นย้ำอีกครั้งว่า ผู้ขับขี่ก็ต้องคอยตระหนักอยู่เสมอว่า เมื่อใดที่ขับรถผ่านทางรถไฟ ควรตระหนักไว้เลยว่าจะมีรถไฟวิ่งผ่านเมื่อไรก็ได้เหมือนเราขับรถผ่านสี่แยกที่จะมีรถวิ่งมาจากอีกทิศทางหนึ่งอยู่เสมอ ดังนั้นต้องมีความระมัดระวังให้มากในการขับรถผ่านทางรถไฟ และควรชะลอความเร็วลงก่อนขับผ่านทางรถไฟ ควรเปิดหน้าต่าง ปิดวิทยุ อย่าคุยกันขณะขับผ่านทางรถไฟ เมื่อหยุดรถก็ไม่ควรหยุดใกล้ทางรถไฟมากเกินไป และพึงระลึกไว้เสมอว่า ห้ามแข่งกับรถไฟเด็ดขาด ด้วยความเร็วและระยะทางของรถไฟแล้ว ทำให้ยากต่อการตัดสินใจเสมอ จุดตัดทางรถไฟนั้นไม่เหมือนกับสี่แยกที่รถอีกทางสามารถชะลอความเร็วหรือหยุดรถให้เราได้ รถไฟนั้นไม่มีทางหยุดแบบกะทันหันได้เลย ด้วยน้ำหนักของตัวรถไฟ ถ้าต้องหยุดฉุกเฉินจริงๆ ก็จำเป็นต้องใช้ระยะทางเกือบกิโลเมตร ดังนั้นจึงลืมไปได้เลยว่ารถไฟจะหยุดให้เรา ถ้าเราไม่หยุดให้รถไฟก่อน