คอลัมนิสต์

'วังเจ้าบุนอุ้ม'กับ'คฤหาสน์ดาวเฮือง'

'วังเจ้าบุนอุ้ม'กับ'คฤหาสน์ดาวเฮือง'

10 มี.ค. 2559

'วังเจ้าบุนอุ้ม'กับ'คฤหาสน์ดาวเฮือง' : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

           สมัยก่อน คนไปเที่ยวเมืองปากเซ ต้องไปเที่ยวชม “วังเจ้าบุนอุ้ม” ที่มีเรื่องเล่ามากมาย รวมถึงความลี้ลับ แต่มาวันนี้ คนจะพูดถึง “คฤหาสน์ดาวเฮือง” กันมากกว่า

           สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รายการที่นี่หมอชิต ทางช่อง 7 สี ได้ทำให้คฤหาสน์พันล้านของ “เจ๊เฮือง” หรือ “เจ๊เหลื่อง” เป็นที่สนใจของผู้คนมากขึ้น เมื่อยกกองไปถ่ายทำและสัมภาษณ์เจ๊เฮืองถึงเมืองปากเซ

           แถมยังมีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ “ดาวคอฟฟี่” ที่ชื่อ “เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย์ อีกด้วย

           หากขับรถจากด่านช่องเม็กไปเมืองปากเซ พอรถแล่นผ่านสะพานข้ามโขง ก็จะมองเห็นคฤหาสน์สีทองอร่าม ราวปราสาทราชวัง ตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงอีกฟากหนึ่งของสะพาน

           สื่อไทยหลายสำนักเคยนำเสนอเรื่องคฤหาสน์หรูระยับ และมีการสัมภาษณ์เจ๊เฮืองอยู่หลายหน แต่สิ่งที่คนไทยอยากรู้ว่า เธอร่ำรวยมาได้อย่างไร? กลับไม่มีความชัดเจน

           นอกจากเรื่องเล่า เฮือง ลิดดัง ชาวลาวเชื้อสายเวียดนาม เป็นคนสู้ชีวิต ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องช่วยแม่ค้าขายและเลี้ยงน้อง 8 คน ขายกล้วยปิ้ง ข้าวโพดปิ้ง ขายทุกอย่าง หรือที่ไหนมีงานก็ไปรับจ้าง

           หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองบนแผ่นดินจำปาเมื่อ 2518 เจ๊เฮืองได้เป็นผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยแต่เพียงรายเดียวในแขวงจำปาสัก และได้สัมปทานร้านดิวตี้ฟรีตามด่านพรมแดนไทย-ลาวทุกแห่ง

           นี่คือที่มาของความมั่งคั่งของกลุ่มบริษัทดาวเฮือง อาณาจักรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)

           ทำไมเจ๊เฮือง จึงได้นำเข้าสินค้าแต่ผู้เดียว? ทำไมเจ๊เฮือง จึงได้สิทธิเปิดดิวตี้ฟรีช็อปทุกด่านพรมแดน?

           คำตอบคือ “ฮาว-เฮือง” สองสามีภรรยาชาวลาวเชื้อสายเวียดนาม เป็นนักปฏิวัติ ที่ร่วมต่อสู้กับพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ฮาวเป็นนายแพทย์ และเฮืองก็อำพรางตัวเองเป็นแม่ค้า แต่เบื้องหลังทำงานช่วยสนับสนุนทหารปลดปล่อยประชาชนลาวมาตั้งแต่สาวๆ

           “อำนาจใหม่” บนแผ่นดินจำปา คือกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจของกลุ่มดาวเฮือง

           000

           พ.ศ.นี้ ความมั่งคั่งที่มากับอำนาจทางการเมืองของกลุ่มดาวเฮือง ไม่ต่างจาก พ.ศ.โน้น รัฐบาลราชอาณาจักรลาว ประกอบด้วยกลุ่มราชสำนักหลวงพระบาง, กลุ่มอำมาตย์เวียงจันทน์ และกลุ่มเจ้าลาวฝ่ายใต้ ที่นำโดย เจ้าบุนอุ้ม ณ จำปาสัก

           “เจ้าบุนอุ้ม” เป็นเจ้าผู้ครองแขวงจำปาสักองค์สุดท้าย ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2518 เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลฝ่ายอนุรักษนิยมจากภาคใต้ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีลาวถึง 2 สมัย

           ในอดีต สงครามภายในลาวไม่ต่างจากสงคราม 3 ก๊ก ที่มีก๊กฝ่ายซ้ายของเจ้าสุพานุวง, ก๊กฝ่ายขวากลางของเจ้าสุวันนะพูมา และก๊กฝ่ายขวาจัด ที่จับมือเป็นพันธมิตรกัน ระหว่าง ผุย ชะนะนิกอน, นายพลพูมี หน่อสะหวัน และเจ้าบุนอุ้ม

           ก่อนสิ้นอำนาจ เจ้าบุนอุ้มได้สร้าง “วัง” เป็นตึกสูง 6 ชั้น ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ หันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ด้านหลังติดกับแม่น้ำเซโดน วังเก่าเจ้าบุนอุ้ม มีรูปทรงของโรงแรมเป็นแบบขนมเค้กแต่งงาน ตามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมผสานสถาปัตยกรรมลาว

           เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในปี 2518 เจ้าบุนอุ้มหนีไปอยู่ฝรั่งเศส ทิ้งวังที่กำลังก่อสร้างค้างไว้ และรัฐบาลใหม่ ได้ให้บริษัทคนไทยจัดการต่อเติมจนเสร็จ และเปิดเป็นโรงแรมในภายหลัง

           ยุคแรกๆ ที่คนไทยไปเที่ยวปากเซ ต้องแวะไปชม “วังเจ้าบุนอุ้ม” พร้อมกับฟังเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกจากไกด์ท้องถิ่น

           ปัจจุบัน ไม่มีใครสนใจวังเจ้าบุนอุ้มมากนัก นับแต่มีคฤหาสน์พันล้านของ “เจ๊เฮือง” ผุดขึ้นมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของลาวใต้

           “วังเก่า” เจ้าบุนอุ้มเป็นสถาปัตยกรรมแบบลาวผสมฝรั่งเศส ขณะที่ “วังใหม่” ของเจ๊เฮือง ดูประหนึ่งยกพระราชวังมหาราชาอินเดียมาไว้ที่เมืองลาว

           การเมืองเรื่องวังเก่าและวังใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างอำนาจ และความแตกต่างทางชนชั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระบอบเก่าหรือระบอบใหม่ ก็หนีไม่พ้นวงจรนี้