
คนเมืองเราคนเมืองลุง
คนเมืองเราคนเมืองลุง : โดยวิธีของเราเอง โดยไพฑูรย์ ธัญญา
เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลแห่งความรัก ผมเดินทางกลับพัทลุง บ้านเกิด เพื่อร่วมงานรำลึกครบรอบ 10 ปี การจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ผู้ยิ่งใหญ่ เลือดเนื้อเชื้อไขของชาวพัทลุง ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ประหารชีวิตสี่ฆาตกรวัยรุ่นที่รุมฆ่าแล้วฝังคู่อริ พร้อมกับข่มขืนภรรยาสาวของเขาก่อนโยนทิ้งลงเหว ที่กำลังก้องกระหึ่มในสื่อสังคมออนไลน์อยู่ขณะนี้
เป็นอีกครั้งที่พัทลุงตกเป็นข่าวครึกโครมในสื่อมวลชนของประเทศนี้ พัทลุงเมืองเล็กๆ บนที่ราบลุ่มทะเลสาบสงขลา ถูกมองว่าเป็นเมืองคนโหด ผู้คนที่นี่มีจิตใจเหี้ยมเกรียมโหดร้าย เต็มไปด้วยนักฆ่าและมือปืน เป็นเมืองที่ข้าราชการผู้ใหญ่ในกรมการปกครองพากันประหวั่นพรั่นพรึง เกรงว่าจะได้รับการโยกย้ายให้มากินตำแหน่งที่นี่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงคนหนึ่ง สารภาพว่า ท่านรู้สึกกลัว เมื่อได้รับคำสั่งย้ายมาพัทลุง
เมืองพัทลุงในสายตาของคนนอก จึงเป็นดินแดนแห่งอนารยชน ที่คนดีๆ ไม่ควรเฉียดกรายหากไม่จำเป็น
ผมเป็นคนพัทลุง เกิดอยู่ในชุมชนเล็กๆ ไม่ห่างจากทะเลสาบสงขลา และไม่ไกลเกินไปกับแนวเทือกเขาบรรทัด เราเรียกจังหวัดของเราว่า "เมืองลุง" เรียกผู้คนที่อาศัยในเมืองนี้ว่า "คนเมืองลุง" ใครบางคนกล่าวในทำนองขำขันว่า เมืองของเรามีฐานะสูงส่งกว่าจังหวัดใดๆ ใน 14 จังหวัดของภาคใต้ เพราะมีฐานะเป็น "ลุง" ของคนในทุกจังหวัด
พัทลุงเป็นเมืองเก่า ปรากฏหลักฐานในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ฐานะของเมืองพัทลุงเมื่อเทียบกับเมืองนครศรีธรรมราชและสงขลาแล้วก็อยู่ในฐานะเมืองลูกไล่ และเมืองชายขอบ บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับสงขลา บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับนครศรีธรรมราช แล้วแต่ว่าอำนาจของใครจะเหนือกว่าใคร ด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ช่นนี้กระมัง ที่หล่อหลอมให้คนเมืองลุงกลายเป็นคนจริง ที่ออกจะแข็งกร้าว พึ่งพาและช่วยเหลือตนเอง และไม่ค่อยวางใจอำนาจของผู้ปกครองเป็นสันดาน คนเมืองลุงไม่ใช่คนหยิ่งและชอบอวดโอ่แบบคนเมืองนครฯ หรือ “คนคอน” ไม่ใช่คนที่วางตัวแบบผู้ดีอย่างคนเมืองสงขลา คนเมืองลุงเป็นอิสรชน รักพวกพ้อง พูดน้อย ต่อยมาก แม้จะถูกสงขลาลากไป นครฯ ลากมา แต่คนเมืองลุงก็ไม่เคยประจบสอพลอใครเยี่ยงสุนัขรับใช้ พวกเขาเป็นเบี้ยล่างของคนอื่น เพราะมีกำลังน้อย แต่ไม่สูญเสียจิตวิญญาณอิสรชนและรักศักดิ์ศรี คนเมืองลุงเป็นคนใต้กลุ่มหนึ่ง ที่ดำรงอัตลักษณ์ร่วมว่า “ไม่รบนาย ไม่หายจน” มาจนถึงทุกวันนี้
ชื่อเสียงอย่างหนึ่งที่ดูจะกลายเป็นอัตลักษณ์ของเมืองลุงก็คือ เป็นเมืองโจร ในอดีตพัทลุงได้ชื่อว่าเมืองแห่งชุมโจร แต่โจรพัทลุงไม่ใช่โจรกระจอกชอบลักเล็กขโมยน้อย แต่เป็นพวก “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ” คนเมืองลุงเคยสร้างอนุสาวรีย์ “แพร หัวดำ” ขุนโจรเลื่องชื่อของพวกเขา เพราะบูชาในความเป็น "โรบินฮู้ด" แห่งลุ่มทะเลสาบ โจรเมืองลุงในอดีต มักสถาปนาตัวเองขึ้นมาเพื่อต่อต้านอำนาจรัฐจากส่วนกลาง และปกป้องคนในชุมชนของตนเองให้อยู่รอดปลอดภัย และวิถีเช่นนี้ ยังดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
อีกด้านหนึ่งของพัทลุงที่คนภายนอกมักมองไม่เห็น ก็คือ เมืองลุงเป็นเมืองแห่งศิลปิน นักคิด นักเขียนเป็นถิ่นกำเนิดหนังตะลุงและโนรา สุดยอดศิลปะการแสดงที่ไม่ใช่เพื่อความบันเทิงเริงรมย์แต่ถ่ายเดียว แต่ในหลายครั้งมันคือช่องทางในการตอบโต้และวิพากษ์ความไม่ชอบธรรมทั้งหลายทั้งปวง นายหนังตะลุงเป็นมากกว่านักแสดง แต่พวกเขาบางคนยังเป็นนักปฏิวัติ ถ้าพวกชุมโจร เป็น สายแข็ง พวกศิลปินก็เป็น สายละมุน ที่ซ่อนความแข็งกร้าวทางความคิดเอาไว้อย่างเด่นชัด สายละมุนนี้เองที่ต่อมาคลี่คลายกลายมาเป็นพวกนักคิดนักเขียน ความสามารถในการเล่าเรื่องของนายหนังตะลุงในฐานะ “นักเล่าเรื่องบนจอผ้าขาว” ถูกสืบทอดโดยคนรุ่นหลังในฐานะนัก “นักเล่าเรื่องบนหน้ากระดาษ” จึงไม่แปลกที่เมืองเล็กๆ อย่างพัทลุง จะเต็มไปด้วยนักเขียน กวี น้อยใหญ่มากกว่าหัวเมืองใดๆ ในภาคใต้
พูดกันให้ชัด อัตลักษณ์ของคนเมืองลุง จึงมีลักษณะ “ทวิลักษณ์” ที่ดูจะย้อนแย้งกันอย่างได้ชัด มันเป็นวิถีที่ดำเนินมาอย่างคู่ขนาน พัฒนาและคลี่คลายมาในบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป แต่ดำรงสารัตถะของมันไว้อย่างเหนียวแน่น ชนิดที่ "คนนอก" ไม่มีวันเข้าใจ คนพัทลุงยอมรับในวิถีนี้แม้ถูกมองว่าเป็น “เมืองเหี้ยม คนโหด” แต่พัทลุงก็ไม่เคยพยายามจะสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้ตนเองว่าเป็นเมืองพระ เมืองคนดี เหมือนบางจังหวัดทั้งที่มีสถิติคดีอาชญากรรมไม่น้อยกว่าที่เกิดขึ้นในพัทลุง
เขียนแบบนี้ดูเหมือนผมจะเป็นพวกท้องถิ่นนิยม ชมชอบความรุนแรงและวิถีแบบโจรๆ ของคนเมืองลุง เปล่าเลย ผมเพียงพยายามชี้ให้เห็นว่า คนเมืองลุงไม่ได้มีแต่โจร แต่ปัญญาชนและคนดีของเมืองลุงก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน พวกเขายอมรับการประณามกรณีฆาตกรรมกลางป่าลึกของสี่วัยรุ่น โดยไม่มีข้อโต้แย้ง ผิดก็ว่ากันไปตามผิด เท่าที่ได้สดับรับฟัง ก็ไม่มีใครรับวิถีที่รุนแรงเช่นนี้ได้ สิ่งที่พวกเขาทำคือนิ่ง และมองมันอย่างเข้าใจว่า นี่คือ วิถีที่ดำเนินไป มันเป็นเช่นนี้เอง...