คอลัมนิสต์

‘ใจเย็นๆ อย่าใช้อารมณ์’

‘ใจเย็นๆ อย่าใช้อารมณ์’

03 ก.พ. 2559

‘ใจเย็นๆ อย่าใช้อารมณ์’ : ขยายปมร้อน โดยจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง

            เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีการทำนายทายทักแล้วว่า หลังจาก มีชัย ฤชุพันธุ์ แถลงร่างรัฐธรรมนูญ 270 มาตรา เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องอารมณ์บูดกับสารพันความเห็นและสารพัดคำถามจากสื่อมวลชนเป็นแน่แท้

            ภาวะกู๊ดกาย ที่บิ๊กตู่รับปากผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลว่าจะปรับอารมณ์และคำตอบที่ฉุนเฉียวยามที่โดนไล่สอบถามเรื่องที่ไม่อยู่ในภาวะการชี้แจง แต่ด้วยหน้าที่สื่อมวลชนนั้น ทำให้อดไม่ได้ว่า คำถามร้อนๆ ในแต่ละวันนั้น ทำให้ผู้สื่อข่าวละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แม้อาจจะรู้ล่วงหน้าว่าบิ๊กตู่จะอยู่ในภาวะ อารมณ์ไม่ดี"

            ว่ากันด้วยเรื่องของ “อารมณ์” กับ “สาระ” ยามที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติแบบนี้ นับตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน คสช.กำลังขับเคลื่อนงานปฏิรูปผ่านแม่น้ำทุกสายตามโรดแม็พ 3 ระยะ และปัจจุบันกำลังเดินอยู่ในระยะที่ 2 ควบคู่ไปกับการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ เพื่อนำไปสู่โรดแม็พระยะที่ 3 คือ “การเลือกตั้ง” ตามที่รับปากไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติและคนไทยทั้งชาติ เพื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามารับไม้งานปฏิรูปที่วางไว้

            แต่ตลอดระยะเวลาเรื่อยมาบ่อยครั้งที่เราจะได้เห็น “อารมณ์” ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมากเสียจนบางครั้งกลบ “สาระ” ของเรื่องที่ต้องการจะสื่อสาร โดยเฉพาะการปะทะคารมกับผู้สื่อข่าวที่เกิดขึ้นบ่อยจนสังคมเห็นเป็นจนชินตา

            และจนถึงวันที่ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ฉบับ “มีชัย” ร่างแรก เปิดเผยต่อสาธารณชน ก็เหมือนการเตรียมก้าวขาเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ทว่ามีเสียงตอบรับแสดงความคิดเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญร่างนี้ไปต่างๆ นานา ถาโถมตอบกลับไปยังแม่น้ำสาย “กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ฉับพลันและรุนแรง โดยเฉพาะกระแสวิจารณ์จาก “นักการเมือง” ที่บางส่วนออกมาชน ไม่ยอมรับและตำหนิติติงชนิดที่ผลักไสให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอสูรกายที่ดุร้ายของประเทศนี้ ด้วยคำว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตย”

            หากจะมองเรื่องนี้แบบง่ายๆ เลยนั้น ต้องย้อนไปดูบรรยากาศของการร่างรัฐธรรมนูญยุคก่อนๆ ที่ไม่ใช่แค่ในยุค คสช. เพราะการยกร่างรัฐธรรมนูญแต่ละยุค บรรยากาศไม่ค่อยแตกต่างกัน เพราะแต่ละครั้งที่มีการเขียนกฎหมายหลักของบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ครั้งใด เสียงวิจารณ์แรงๆ แบบนี้ที่มาจาก “นักการเมือง-นักวิชาการที่ไม่กลัว” มักจะออกมาเป็นด่านหน้าด่านแรกชนกับคนร่างฯ ก่อนกลุ่มคนอาชีพอื่นๆ

            ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เช่นกัน “นักการเมือง” ยังคงออกมากระตุกหนวดเสือแบบแรงๆ ให้รู้ว่า ไม่ชอบ-ไม่ยอมรับ ไม่อยากใช้กติกานี้ หรือแม้แต่บางคนมองไปล่วงหน้าแบบไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าพรรคใหญ่บางพรรคอาจจะประกาศไม่ลงเลือกตั้งในปี 2560

            หากเป็นแบบนั้นจริง คนที่ยิ้มหวานคือ คสช. และขั้วตรงข้ามพรรคใหญ่พรรคนั้น เพราะไร้คู่แข่งและเข้ากับคอนเซ็ปต์รัฐธรรมนูญฉบับปราบคนโกงไปโดยฉับพลัน แต่เมื่อไล่ดูข้อเท็จจริงในยามนี้ ชัดเจนเลยว่า ทุกพรรคค้านกฎหมายหลักฉบับนี้ แต่ไม่เคยพูดให้ได้ยินว่าจะคว่ำบาตรการเลือกตั้ง

            แต่ไม่ว่าจะมามุมใด บิ๊กตู่ก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ แม้จะหงุดหงิดเพียงใด เห็นชัดๆ อาการนอตหลุดตอนเช้าก่อนเข้าประชุม ครม. แต่ตกช่วงบ่ายบิ๊กตู่ก็ปรับอารมณ์ใหม่โดยพลัน

            "ในส่วนของผมในฐานะที่ต้องรับผิดชอบในภาพรวมได้สั่งการว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามโรดแม็พที่วางไว้ โรดแม็พว่าอย่างไรก็จะว่าไปตามนั้น คือมีการเลือกตั้งในปี 2560 และกระบวนการเลือกตั้งผมก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมคือเดือนกรกฎาคม 2560 อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในกระบวนการเลือกตั้งให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถามผมอีกว่าจะอย่างไร ผมยังยืนยันกรกฎาคม 60 เริ่มกระบวนการเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งได้เร็วก็เร็ว เพราะหลังรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีกระบวนการอีกเยอะแยะ 3-4 อย่างก็ไปทำให้เร็วขึ้น เดือนกรกฎาคมต้องเริ่มเลือกตั้งให้ได้ และกว่าจะได้รัฐบาลมาก็อีก 1-2 เดือนมิใช่หรือ ต้องมีการประชุมสภา ซึ่งก็ต้องดูในรายละเอียดกันอีก คงไม่ใช่เรื่องกฎหมายลูกอย่างเดียว ผมไม่เคยพูดเป็นอย่างอื่นเลย ยังยืนยันว่าเป็น กรกฎาคม 60 เหมือนเดิม”

            ต้องคอยดูว่า จากนี้ไปบิ๊กตู่จะมีภาวะทางอารมณ์แบบนี้อีกหรือไม่ จึงขอฝากลมฝากฟ้าไปถึงบิ๊กตู่ว่า จะทำการใดๆ ของให้ใจเย็นๆ ไว้นะโยม