คอลัมนิสต์

ลาวระบอบใหม่กับ'เจ้ามหาชีวิต'

ลาวระบอบใหม่กับ'เจ้ามหาชีวิต'

03 ธ.ค. 2558

ลาวระบอบใหม่กับ'เจ้ามหาชีวิต' : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

             วันที่ 2 ธันวาคม 2518 เป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญบนดินแดนจำปาบาน จากราชอาณาจักรแห่งราชวงศ์ล้านช้างร่มขาวสู่ “สาธารณรัฐประชาชน” ภายใต้การนำของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว

             ผ่านมาแล้ว 40 ปี สัญลักษณ์แห่งล้านช้างร่มขาวที่ยังมีการเคลื่อนไหวในต่างแดนคือ เจ้าสุลิวง สะหว่าง พระราชนัดดาในเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา ซึ่งปัจจุบันพระองค์ประทับอยู่ในบ้านพักที่เขตบิวซี ชอง จอร์ ชานกรุงปารีส

             เจ้าสุลิวง สะหว่าง เป็นพระโอรสในเจ้าวงสะหว่าง องค์มกุฎราชกุมารกับเจ้าหญิงมะนีไล หลังการเปลี่ยนผ่านปี 2518 ผู้นำลาวระบอบใหม่ ได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ไปประทับอยู่ที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน

             ปี 2524 เจ้าสุลิวง สะหว่าง แจ้งกับทางการว่า ไม่สบาย ต้องไปหาหมอที่เวียงจันทน์ เจ้าหน้าที่ก็ยอม พอถึงเวียงจันทน์พระองค์ก็ติดต่อบรรดาอดีตเจ้านายเก่าของลาวให้พาข้ามแม่น้ำโขง และเดินทางต่อไปขอลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศสจนถึงวันนี้

             กล่าวสำหรับ พระบาทสมเด็จเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา เป็นพระราชโอรสองค์ที่สองในพระบาทสมเด็จเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวง โดยพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางคำผุย มีพระราชโอรสธิดารวม 5 พระองค์

             ด้วยเหตุที่เจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวง เป็นพระญาติกับ “เจ้าสุวันนะพูมา” ผู้นำลาวฝ่ายเป็นกลาง และ “เจ้าสุพานุวง” ผู้นำแนวลาวฮักชาติ (ฝ่ายคอมมิวนิสต์ลาว) จึงทำให้พระองค์เห็นดีเห็นงามกับการลงนามหยุดยิง และจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ เมื่อปี 2516

             วันที่ 1 พฤษภาคม 2518 เจ้าสุพานุวง ได้เชิญเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา พร้อมกับเจ้าหญิงคำผุย เสด็จเยี่ยมยามประชาชนในฐานที่มั่นการปฏิวัติลาว ที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน ซึ่งคณะกรรมการกลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว นำโดย ไกสอน พมวิหาน ได้รับเสด็จอย่างอบอุ่น

             วันที่ 26 พฤศจิกายน 2518 มีการชุมนุมของมหาชนในนครหลวงเวียงจันทน์ เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง และในเวลาต่อมา เจ้าสุวันนะพูมา กับเจ้าสุพานุวง ได้เข้าพบเจ้ามหาชีวิตที่พระราชวังหลวงพระบาง เพื่อเจรจาเรื่องอนาคตของประเทศ และสถาบันกษัตริย์

             ในที่สุด เจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา ทรงยินยอมสละราชสมบัติ และมอบที่ดินพร้อมพระราชวังให้ตกเป็นของรัฐ

             วันที่ 2 ธันวาคม 2518 มีการประชุมตัวแทนประชาชนลาวทั่วทุกแขวง ได้มีมติยกเลิกระบอบราชาธิปไตย และสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน โดยมีเจ้าสุพานุวง เชื้อพระวงศ์ล้านช้างร่มขาว เป็นประธานประเทศคนแรก และไกสอน พมวิหาน เป็นนายกรัฐมนตรี

             ที่ประชุมสภาชั่วคราว ยังได้มีมติแต่งตั้งเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา เป็น “ที่ปรึกษาสูงสุดของประธานประเทศ” และเจ้าสุวันนะพูมา เป็น “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี”

             เจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา ปฏิเสธการเสด็จลี้ภัยในต่างแดนเหมือนพระญาติคนอื่นๆ เพราะพระองค์ทรงไว้วางพระทัยต่อเจ้าสุพานุวง และช่วงต้นปี 2520 รัฐบาลลาวระบอบใหม่ ได้เชิญเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวัดทะนา, พระมเหสี และองค์มกุฎราชกุมาร ไปประทับที่เมืองเวียงไซ

             ปี 2521 มีรายงานว่า พระองค์ พระมเหสี และพระราชโอรส สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมาลาเรียและต่อมา ไกสอน พมวิหาน เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า พระองค์ได้เสด็จสวรรคตในปี 2527 ขณะที่มีพระชนมายุ 77 พรรษา

             ลาวระบอบใหม่ก้าวเดินมาถึงปีที่ 40 มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอย่างมากมาย แต่เรื่องราวของเจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้าย ยังมีการโจษขานในหมู่คนลาวพลัดบ้านพลัดเมืองอยู่มิเสื่อมคลาย