เตือนไซต์งานก่อสร้างระวังแก๊งตร.ปลอม | คมชัดลึก

 

                      สารพัดแรงงานประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาหางานทำในเมืองไทยโดยเฉพาะเมืองใหญ่ และเมืองติดชายขอบประเทศ แรงงานเหล่านี้มักจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพทั้งในและนอกเครื่องแบบและผู้รับเหมา สารพัดรูปแบบ ทั้งการเป็นนายหน้าค้าคนงาน การรีดไถเรียกเก็บค่าคุ้มครอง หรือการจับเพื่อเรียกรับเงิน จ.พะเยา จังหวัดเล็กๆ อยู่ติดชายแดน จึงมีแคมป์คนงานต่างด้าวอยู่มากมาย มีทั้งที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและอีกไม่น้อยที่หลบหนีเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย โดยแหล่งคนงานต่างด้าวที่ใหญ่ที่สุดคือ แคมป์คนงานในมหาวิทยาลัยพะเยา ที่เหลือก็เป็นไซต์งานก่อสร้างสถานที่ราชการหรือเอกชนขนาดใหญ่ จึงเป็นจุดดึงดูดให้พวกมิจฉาชีพออกตระเวนหากินบนความทุกข์ยากของพวกเขา

 

                      เช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน รถโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบทะเบียน มีสติกเกอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติขนาดใหญ่ติดกระจกหลัง จอดบริเวณด้านสถานที่ก่อสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น ภายใน ร.ร.พะเยาพิทยาคม ซึ่งคนงานก่อสร้างรู้สึกผิดปกติ จึงรายงานให้หัวหน้างานได้รับทราบ จากนั้นช่วงเที่ยง รถคันดังกล่าวออกไปจากจุดจอดซุ่ม จนกระทั่งเวลา 13.00 น.มีรถยนต์ลักษณะแบบเดิม แต่ไม่มีสติกเกอร์ตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาจอดตรงจุดเดิม พร้อมกับมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 3 คนลงจากรถ ทุกคนแต่งกายทะมัดทะแมง ผิวสีดำแดง พูดภาษาไทยกลางแบบชัดถ้อยชัดคำ ที่คอห้อยป้ายคล้ายป้ายของตำรวจ เดินเข้ามาบริเวณสถานที่ก่อสร้างและเข้าไปพบนายบุญส่ง เขื่อนทิม อายุ 60 ปี และนายศรี ใจอู๊ด อายุ 47 ปี ซึ่งกำลังทำงานอยู่ และถามด้วยน้ำเสียงตะคอกว่า “คนงานต่างด้าวมีไหม ใครรับผิดชอบไซต์งานนี้” พร้อมกับพยายามเดินเข้าไปสำรวจคนงานที่กำลังทำงานอยู่ นายบุญส่ง ได้บอกไปว่า ไซต์งานที่นี่มีแต่คนไทย ไม่มีคนงานต่างด้าว กลุ่มชายฉกรรจ์เมื่อรู้ว่าไม่มีคนงานต่างด้าวจึงลดน้ำเสียงเป็นปกติ จากนั้นได้ให้นายบุญส่งโทรตามหัวหน้าหรือคนที่ดูแลการก่อสร้าง โดยให้บอกว่า มีตำรวจจาก สภ.เมืองพะเยา มาขออนุเคราะห์ให้ช่วยซื้อซีดีจำนวน 3 แผ่น เป็นเงิน 1,500 บาท โดยเงินทั้งหมดจะนำไปช่วยตำรวจที่ปฏิบัติงานในสามจังหวัดภาคใต้ แต่นายบุญส่งปฏิเสธไปว่า ไม่มีใครมีเบอร์โทรของโฟร์แมน

 

                      ขณะที่กลุ่มชายดังกล่าวพยายามหว่านล้อมให้นายบุญส่งรับซื้อไว้ แต่นายบุญส่งก็ได้ปฏิเสธและเดินหนี กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจึงรีบเดินหนีขึ้นรถยนต์ออกไปในทันที

 

                      ด้าน พ.ต.อ.ประจัญ ปัญญาแก้ว ผกก.สภ.เมืองพะเยา เปิดเผยว่า ทางสภ.เมืองพะเยา ไม่มีนโยบายในการให้กำลังพลไปขายซีดี หรือพระบูชาใดๆ เพื่อไปช่วยตำรวจที่สามจังหวัดภาคใต้อย่างแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์มิจฉาชีพกลุ่มนี้ไม่ได้ทำที่จ.พะเยาที่เดียว มีข่าวบ่อยๆ แต่จะแตกต่างกันแค่รูปแบบ เบื้องต้นขอยืนยันว่า ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองพะเยา อย่างแน่นอน และถ้าใช่หากมีพฤติการณ์ข่มขู่ เรียกร้อง บังคับ ให้ประชาชนต้องซื้อสิ่งของหรือใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ถ้าเข้าฐานความผิดใดก็จะดำเนินการตามนั้นแถมพ่วงด้วยคดีวินัยอีก ถ้าประชาชนถูกแอบอ้างให้โทรแจ้ง 191 หรือถ้าหากพบว่าเป็นตำรวจสภ.เมืองพะเยาจริง จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดอย่างแน่นอน

 

 

 

 

-------------------