
วันวานที่'ผาชูธง'-วันนี้ที่'ผาพบรัก'
วันวานที่'ผาชูธง'-วันนี้ที่'ผาพบรัก' : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา
5-6 ปีที่แล้ว เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ผู้คนจะนิยมไปกางเต็นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แต่ พ.ศ.นี้ “ภูทับเบิก” กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนักท่องเที่ยว จนเกิดปรากฏการณ์ “ทับเบิกแตก”
วันหยุดยาวที่ผ่านมา คนนับหมื่นแห่ขึ้นภูทับเบิกเป็นข่าวใหญ่ จนนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งหนีไปนอนภูหินร่องกล้า ที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในวันนี้ที่ภูหินร่องกล้าคือ “ผาพบรัก” อยู่ในเขตพื้นที่ของโครงการพัฒนาป่าไม้ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
นอกจากผาพบรัก ก็ยังมีผาบอกรัก, ผาคู่รัก, ผาสลัดรัก และผารักยืนยง ซึ่งเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาป่าไม้ ได้ตั้งชื่อเอาไว้ให้เป็นจุดชมวิวและทะเลหมอกของผู้มาเยือน
เดิมทีมีจุดชมยอดฮิตคือ “ผาชูธง” เป็นหน้าผาสูงชัน มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล จะสวยงามมากในยามพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์สงครามประชาชนบริเวณรอยต่อ 3 จังหวัด (พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-เลย)
ย้อนไปในอดีต เมื่อไม่มีเสียงปืนบนภูเขา กองทัพภาคที่ 3 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ร่วมกับกรมป่าไม้ พิจารณาเตรียมการจัดตั้งบริเวณภูหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติ ในช่วงต้นปี 2526
จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พบว่า บริเวณภูหินร่องกล้า มีสภาพภูมิประเทศและทิวทัศน์สวยงาม และมีลักษณะทางธรรมชาติ ที่เป็นจุดเด่นหลายแห่ง เช่น ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ประกอบกับเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของการสู้รบระหว่างกองทัพแห่งชาติกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) มีความเหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้
ในที่สุด กรมป่าไม้ได้ประกาศให้พื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัดคือ อ.ด่านซ้าย จ.เลย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อ 26 กรกฎาคม 2527
มีข้อน่าสังเกตว่า “ภูทับเบิก” อยู่ใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ไม่อยู่ในเขตอุทยานฯ เพราะเป็นเขตที่ดินสงเคราะห์ชาวเขา ที่ทางการจัดให้ “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” หรืออดีตสหายม้ง ได้ทำกิน หลังจากเข้ามอบตัวต่อกองทัพภาคที่ 3 ตามนโยบาย 66/2523
จำได้ว่า “จุดขาย” ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องราวการต่อสู้ในอดีต ได้แก่พิพิธภัณฑ์การสู้รบ, โรงเรียนการเมืองการทหาร, กังหันน้ำ, สำนักอำนาจรัฐ, โรงพยาบาลรัฐ, ลานอเนกประสงค์, สุสาน ทปท., ที่หลบภัยทางอากาศ และหมู่บ้านมวลชน
สงครามบนเทือกภูหินร่องกล้าที่ดุเดือดที่สุดคือ “ยุทธการภูขวาง” เมื่อรัฐบาลจอมพลถนอมระดมกำลังทหารตำรวจเข้ากวาดล้างฐานที่มั่นของ พคท.เขตงาน 3 จังหวัด ช่วงต้นปี 2515 แต่มิอาจยึดเข้าพื้นที่ได้ จบลงด้วยการถอยทัพกลับลงจากภูสูงของกองทัพแห่งชาติ
ฝ่าย พคท. จึงมีการแต่งเพลง “หินร่องกล้าตระหง่านฟ้าเกรียงไกร” สดุดีวีรกรรม “สหายม้ง” ที่ต่อสู้ปกป้องฐานที่มั่นอย่างทรหดอดทน
“รุกรบราวีโจมตีรวดเร็วประจัญบาน เสียงปืนระเบิดทุ่มลงสนั่น ดุจฟ้าถล่มพื้นดินทลาย นักรบปลดแอกประชาชนมั่น บุกหน้าฝ่าฟันเพื่อชิงเอาชัย”
เรื่องเล่าจากการสู้รบยังมีอีกมาก อย่างเมื่อปีก่อน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ร่วมกับกองพลพัฒนาที่ 3 ได้เข้าสำรวจพบถ้ำเก่าของ พคท. มีชื่อว่า “ถ้ำวิทยุ”
ถ้ำแห่งนี้อดีตสหายม้งทำการขุดเจาะภูเขา ในช่วงปี 2523 เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งของ “สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย” (สปท.) แห่งใหม่ เนื่องจากสถานีเดิมอยู่ในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ได้ยุติการส่งกระจายเสียงตามคำสั่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สมัยก่อน การจัดตั้งสถานีวิทยุในภูหินร่องกล้า เป็นความลับสุดยอด ซึ่งรู้กันเฉพาะสหายบางส่วน สุดท้ายภารกิจนี้ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเครื่องส่งวิทยุถูกทางการตรวจค้นเจอระหว่างการขนส่งมาจากกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม “ถ้ำวิทยุ” ยังไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะการเดินเข้าไปถึงตัวถ้ำนั้นค่อนข้างไกล สู้ไปถ่ายภาพแถวผาพบรัก ผาสลัดรัก ไม่ได้
ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ผู้คนแห่ขึ้นไปภูทับเบิก เพราะอยากถ่ายรูปไร่กะหล่ำ และทะเลหมอก ไม่มีใครทราบหรอกว่า ใต้แผ่นดินทับเบิกคือ เลือดและน้ำตา ของสหายนักรบชาวม้ง
พวกเขาสู้รบ เพื่อสร้างอำนาจรัฐของประชาชน แต่ยุทธศาสตร์นั้นไม่บรรลุ จึงต้องมาปลูกกะหล่ำปลีกับสร้างรีสอร์ตในวันนี้