คอลัมนิสต์

ความสุขเมื่อถูกตำรวจจราจรจับ

ความสุขเมื่อถูกตำรวจจราจรจับ

09 ก.ย. 2558

ความสุขเมื่อถูกตำรวจจราจรจับ : โลกตำรวจ โดยผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข

              “ผมพูดจริง ทำจริง ไม่ต้องกลัว ผมทำแน่ ผมจะขับเคลื่อนงานจราจรให้มีการแก้ไขป้องกันอุบัติเหตุอย่างเป็นระบบ” นายตำรวจใหญ่ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สบ 10) กล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังที่ทำให้ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ถึงความจริงใจจากกิริยา ท่าทางประกอบคำพูดที่ดูตรงไปตรงมาสอดคล้องกัน

              จากวันนั้นจวบจนวันนี้ วันที่นายตำรวจใหญ่ท่านนี้ได้รับมอบหน้าที่ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง ได้กระทำตามสัญญาที่กล่าวไว้ในที่ประชุมแห่งนั้นโดยทำการกำหนดนโยบายด้านการจราจรข้อ 6.2 ที่ระบุว่า ให้ตำรวจจราจรทั้งประเทศ “ดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วางแผนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางการจราจรในพื้นที่อย่างเป็นระบบ”

              ผลการศึกษาพบว่า นโยบายดังกล่าวทำให้ตำรวจจราจรไทยมีผลการทำงานด้านการแก้ไขป้องกันอุบัติเหตุอย่างก้าวกระโดดและเกิดระบบที่ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากรในการทำงานด้วยแล้วนั้นจะยิ่งสามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความสะดวกและความปลอดภัยในการจราจรในห้วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากฝีมือของตำรวจจราจรไทยเป็นหลักสำคัญ และก้าวหน้ากว่าในอดีตที่ผ่านมา

              มีการใช้เทคโนโลยีทุกรูปแบบในการทำงานแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทั้งระบบไลน์ ระบบวิทยุตำรวจ ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก และการขับเคลื่อนด้วยระบบการทำงานอย่างมืออาชีพ ด้วยระบบสืบสวนอุบัติเหตุทางถนนที่สนับสนุนการพัฒนาระบบและวัฒนธรรมการทำงานจราจรที่มีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่มี ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม เป็นที่ปรึกษาใหญ่ที่เข้าใจวิธีการขับเคลื่อนงานตำรวจไทย

              ตำรวจจราจรไทยทั่วประเทศรวมถึงสายตรวจที่ทำหน้าที่จราจรจะได้รับการฝึกฝนให้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการทำงานเพื่อให้สามารถวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุทางถนนโดยมีเป้าหมาย "ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” เป็นหลักสำคัญ ซึ่งมีคุณค่ามากกว่าการให้ความสำคัญเพียงแค่ความสะดวกรวดเร็วเท่านั้น

              “เราไม่อยากจับ แต่เราอยากรักษาชีวิตท่าน” เป็นโครงการที่นายตำรวจไฟแรง พ.ต.ท.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ สารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้ คิดร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจรุ่นพี่ พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์ ตามนโยบายของ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้การบัญชาการของ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน นายตำรวจฝีมือชั้นครูผู้เหลือเวลาปฏิบัติราชการในบทบาทของตำรวจอีกไม่นาน หากแต่ยังทำงานด้วยความเข้มแข็งและบัญชาการเหตุการณ์ใหญ่น้อยในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้อย่างชนิดที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "สุดยอดแห่งความเป็นทีมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”

              ตัวอย่างของโครงการ เราไม่อยากจับ แต่เราอยากรักษาชีวิตท่าน ของสารวัตรปกฉัตรมีความน่าสนใจตรงความพยายามทำให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนวิธีคิดว่าการขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานภูมิพลมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุสูง โดยไม่ได้ใช้วิธีการจับ หรือการแจก(หมวก)อย่างที่คุ้นเคยกัน หากแต่จับแล้วอธิบาย แสดงให้เห็นว่าขึ้นสะพานแล้วผลที่ผ่านมาเป็นอย่างไร จากนั้นผู้ขับขี่จะถูกตำรวจขอให้ "ช่วยตำรวจคิด” และ “ช่วยตำรวจเลือก” คำขวัญในการนำมาใช้เป็นข้อความเพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายข้อบังคับ

              ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าผู้ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งจะต้องมานั่งคิด นั่งเลือกคำขวัญจะหมดไปหรือไม่ ? แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือ ผู้ขับขี่ที่ถูกตำรวจจับต่างรู้สึกได้ว่าตำรวจจราจรสภ.สำโรงใต้ ต้องการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาเหล่านั้นจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นอย่างแท้จริง มิได้จับเพราะหวังส่วนแบ่งค่าปรับอย่างที่เคยเข้าใจ ความสุข ความเต็มใจในการทำกิจกรรมเหล่านี้ภายหลังถูกจับแสดงผ่านใบหน้ายิ้มแย้มและการยืนยันกับตำรวจจราจรว่าจะไม่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายจราจรอีกแล้ว รวมถึงจะบอกต่อคนอื่นๆ ด้วยเมื่อมีโอกาส

              เรียกได้ว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่โดนจับได้เดินจากตำรวจจราจรไปด้วยความสุขและความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน

              มิใช่ว่าจะมีแต่สารวัตรปกฉัตรที่พยายามที่จะทำตัวให้เป็นที่รักของประชาชนแต่เพียงเท่านั้น หากแต่มีตำรวจจราจรไทยอีกจำนวนมากที่มีความมุมานะพยายามไม่น้อยไปกว่าที่สารวัตรปกฉัตรได้กระทำดังตัวอย่างที่เล่ามา เพียงแต่ ความน่ารักของสารวัตรปกฉัตร คือ การไม่ฉกฉวยเอาความดีของการกระทำของทีมเป็นความดีเฉพาะตัวเอง หากแต่ชื่นชมยกย่องลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนในการให้เกียรติผู้บังคับบัญชาที่ให้การสนับสนุนส่งเสริมให้กำลังใจในการทำงานที่เข้มแข็งตลอดมา

              ไม่มีภาพใบหน้าตำรวจบนป้ายประชาสัมพันธ์หรือแผ่นป้ายรณรงค์ข้างทางที่ทำท่าละม้ายคล้ายนักการเมืองหรือดารานักแสดงทั้งที่มิได้ทำงานด้วยความมุ่งมั่นที่แท้จริง ซึ่งภาพที่เห็นเป็นเพียงแค่ภาพที่สร้างขึ้นเท่านั้น หาใช่เนื้อแท้แต่ประการใดไม่ ? หากแต่ผู้ที่ทำงานกลับเป็นเหล่าบรรดาไพร่พลลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่เคยได้ปรากฏภาพใบหน้าให้ผู้ใดได้รับรู้รับทราบเลย

              สิ่งที่เลวร้ายมากไปกว่านั้นคือ นอกเหนือจากการทำผลงานให้นายได้โชว์แล้ว ยังจำเป็นต้องสนับสนุนและจัดหางบประมาณต่างๆ ในการทำงานตามที่นายต้องการโชว์อีกด้วย นี่คือ ความเจ็บปวดในการทำงานของไพร่พลคนเล็กๆในโลกของตำรวจ

              ด้วยเหตุนี้บทเรียนจากการทำงานในทีมงานจราจรของกองบังคับการตำรวจภูธรสมุทรปราการ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จึงสมควรได้รับการชื่นชมยกย่อง ถึงแม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็เต็มที่สมศักดิ์ศรีการนำทีมของพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน !!!