คอลัมนิสต์

บ่อนกับตำรวจ:ยุทธวิธีตีเมืองขึ้น

บ่อนกับตำรวจ:ยุทธวิธีตีเมืองขึ้น

24 มิ.ย. 2558

บ่อนกับตำรวจ:ยุทธวิธีตีเมืองขึ้น : โลกตำรวจ โดยผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข

              อึ้ง มึน งง กับการกลายเป็นแกนนำหลักในการสนับสนุนบ่อนกาสิโนให้กลายเป็นของถูกกฎหมายของผู้นำตำรวจไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่แสดงออกทั้งภาษาพูด ภาษากาย และภาษาใจ(ดูจากแววตา)อย่างเชื่อมั่นในความรู้ที่เชี่ยวชาญศึกษาดูงานมาอย่างดีผ่านสื่อมวลชน ตอกย้ำความมุ่งมั่น ตั้งใจอย่างชัดเจนด้วยการลงมือปฏิบัติสอดรับการสั่งการโดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์

              เรียกว่า คิด พูด ทำ ไปในทิศทางเดียวกันอย่างรวดเร็วพร้อมเดินหน้าเต็มสูบ

              น่าแปลกใจตรงที่ว่า “ประเด็นปฏิรูปตำรวจ” น่าจะเป็นประเด็นที่ผู้นำตำรวจเสียงดังมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าประเด็นทำบ่อนให้ถูกกฎหมายกลายเป็นเรื่องราวที่ผู้นำสูงสุดของตำรวจออกมาส่งเสียงเอง แถมซ้ำเสียงดังฟังชัดไม่อ้อมๆ แอ้มๆ เหมือนกับกระทรวงมหาดไทย?

              ทั้งๆ ที่ตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครอง รวมถึงท้องถิ่น ต่างมีประสบการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับ “บ่อนในพื้นที่” ไม่แตกต่างกัน

              บ่อน มีความหมายกับตำรวจหลายความหมาย แตกต่างกันไปตามกาลเทศะ และสถานะของนายตำรวจผู้ให้ความหมาย ยกตัวอย่างเช่น บ่อน หมายถึง สิ่งผิดกฎหมายต้องปราบปราม สภาพแวดล้อมเสี่ยงต่อการสนับสนุนการก่อเกิดอาชญากรรมในพื้นที่ หรือหมายถึง ผู้สนับสนุนกิจการตำรวจเพื่อให้มีทรัพยากรในการทำงาน และบริหารจัดการ? (ภายใต้บริบทการสั่งงานแต่ไม่มีเงินให้ของบรรดานายๆ หน่วยเหนือทั้งหลาย) เป็นต้น

              อย่างไรก็ตาม ตำรวจมีศักยภาพสูงในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบ่อนการพนันที่ดำรงอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ่อนเล็กหรือบ่อนใหญ่ จะมีหลุดรอดสายตาบ้างในกรณีที่ผู้เล่นการพนันรวมกลุ่มกันแอบเล่นเล็กๆ น้อยๆ ชั่วครั้งชั่วคราว การที่ตั้งข้อสมมุติฐานเช่นนี้ เพราะ

              “มันมีจริงมั้ยล่ะ เวลาที่ทหาร หรือฝ่ายปกครองเขาไปจับได้ มีพยานหลักฐานจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงก็ต้องยอมรับ” นายตำรวจใหญ่พูดกับลูกน้องให้ยอมรับผลการสั่งย้ายเนื่องจากทหารหรือฝ่ายปกครองจับบ่อนหรือการเล่นการพนันได้ในพื้นที่

              ไม่รับฟังเหตุผล ไม่รับฟังคำอุทธรณ์ หรือข้อสังเกตใดๆ คำสั่งที่ถูกกำชับคือ ตำรวจต้องควบคุมไม่ให้มีการเล่นการพนันในพื้นที่ให้ได้ ไม่รับฟังคำโต้แย้งใดๆ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงทัดทานจำนวนไม่น้อยที่แสดงความเห็นว่า หน่วยงานอื่นก็มีบทบาทหน้าที่ร่วมกันกับตำรวจ ดังนั้นหากพบการกระทำผิดก็สมควรลงโทษข้าราชการในหน่วยงานอื่นเช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาด้านความไม่เป็นธรรมในการบริหารจัดการได้

              การเล่นการพนันของประชาชนในพื้นที่ทุกรูปแบบต้องหมดไป หากทำไม่ได้ หน่วยเหนือจะส่งคนอื่นมาทำแทน!!

              "เด้งฟ้าผ่า 4 เสือ สภ.ศรีราชา เซ่นบ่อนไฮโล ของกลางเงิน 20 บาท”

              “เด้ง 5 เสือเมืองชลบุรี เซ่นพนันกำถั่ว”

              “สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางนา เข้ากรุ เซ่นจับบ่อน ส.ก.อ้วน”

              ด้วยเหตุนี้ เมื่อผู้นำสูงสุดของตำรวจแสดงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนการทำบ่อนกาสิโนให้ถูกกฎหมายจึงกลายเป็นประเด็นชวนคิดว่า มีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังที่มาของวิธีคิดและการกระทำของนายตำรวจใหญ่ เพราะไม่มีใครเชื่อ หากจะบอกว่า เมื่อมีบ่อนถูกกฎหมายแล้วบ่อนผิดกฎหมายหรือการเล่นการพนันนอกบ่อนจะหมดสิ้นๆ

              พอถึงช่วงแต่งตั้งโยกย้ายเปลี่ยนแปลงหัวหน้าสถานีตำรวจ สถานการณ์การเคลื่อนไหวของบ่อนการพนัน สถานบันเทิงในรูปแบบต่างๆ จะสงบนิ่งไม่กระตือรือร้นตื่นตัว ประหนึ่งว่า “รอดูท่าที” ในช่วงเปลี่ยนแผ่นดิน ตีเมืองขึ้น คือ ยุทธวิธีพื้นฐานที่หัวหน้าสถานีล้วนรู้จักดี

              เริ่มต้นจากการประกาศกฎเหล็กคุมเข้มบ่อนการพนันสถานบันเทิงทันทีที่รับตำแหน่ง พร้อมจัดตั้งชุดเฉพาะกิจทำหน้าที่ในการควบคุมอย่างเข้มแข็ง และเป็นการสื่อสารให้รู้โดยทั่วกันว่า “ขณะนี้เปลี่ยนเจ้าเมืองแล้ว”

              “ทีนี้หัวเมืองต่างๆ ก็จะมารายงานตัวกัน ขอเจรจา มาเดี่ยวบ้าง รวมกลุ่มกันมาบ้าง ขอร้อง ขอผ่อนผัน ประนีประนอมต่างๆ อ้างเหตุผลนานัปการ พร้อมยื่นข้อเสนอ...” นายตำรวจเล่าด้วยลีลาเปรียบเทียบเชิงอุปมาอุปไมยราวกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์

              เมื่อได้ดูตัว เห็นหน้าค่าตากันเรียบร้อย พร้อมมีข้อตกลงที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก ไม่ออกนอกลู่นอกทางก็ดำเนินการขึ้นบัญชีอยู่ในการควบคุมบริหารจัดการต่อไป

              คงเหลือแต่พวกชาวบ้านที่ลักเล่น แอบเล่น เล็กๆ น้อยๆ เข้าข่ายภาวะนักการพนันชายขอบที่ต้องวิ่งหนีตำรวจเหมือนที่ปรากฏให้เห็นในรายการขำขันที่ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์

              “จ่ายระดับสถานีตำรวจไม่พอนะ ต้องจ่ายระดับสูงขึ้น เป็นขั้นๆ ไป รวมถึงส่วนกลางด้วย และที่ไม่ใช่ตำรวจอีกล่ะ ค่าใช้จ่ายสูงมากเราก็ต้องพยายามทุกวิถีทางให้เราอยู่ได้ด้วย” เจ้าของบ่อนรายใหญ่เล่าถึงรายรับรายจ่ายและวิธีการจ่าย รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหากไม่สามารถบริหารจัดการการจ่ายค่า....??????

              ปรากฏการณ์เช่นนี้สะท้อนภาพอะไรในสังคมไทย? เราจะทำอย่างไรกับประเด็นปัญหาการพนัน หรืออาจเรียกว่า อบายมุข ที่ใครๆ ล้วนต่างยอมรับว่า หากใครเข้าไปติดบ่วงกับดักการพนันแล้วนั้น ชีวิตมีแต่โอกาสพบความหายนะ? จริงหรือที่ว่าบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ? และคำถามอื่นๆ อีกมากมายที่จำเป็นต้องมีข้อมูลมากพอในการตอบหรือตัดสินใจ

              แต่ที่แน่ๆ คือ การตอบคำถามว่า ประเด็นบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายนี้ ใช่ภารกิจสำคัญลำดับแรกของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในยามที่องค์กรตำรวจถูกโหมกระหน่ำด้วยความเข้าใจที่ผิดพลาดมากมายในยามนี้ ใช่หรือไม่?