
การต่อสู้ของ'นักรบโรฮิงญา'
การต่อสู้ของ'นักรบโรฮิงญา' : มนุษย์สองหน้า แคน สาริกา
ชาวโรฮิงญา เป็นชาติพันธุ์มุสลิมอาศัยอยู่ที่ดินแดนที่เรียกว่า "รัฐอาระกัน" หรือ "รัฐยะไข่" ที่เป็นรัฐชายแดนทางตะวันตกของประเทศพม่า ติดกับชายแดนบังกลาเทศ มีลักษณะร่างกาย ภาษาที่ใช้ใกล้เคียงกับภาษาเบงกาลี ภาษาที่ถูกใช้ในบังกลาเทศ
ประวัติศาสตร์ของชาวโรฮิงญานั้น มีมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนอาณานิคม และการเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมของอังกฤษ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คือจุดเริ่มต้นของการอพยพออกจากแผ่นดินถิ่นเกิด
อังกฤษสนับสนุนกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา สร้างเขตกันชนในรัฐยะไข่ เพื่อป้องกันการรุกรานของญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน กลุ่มกู้ชาติชาวพม่าได้อาศัยญี่ปุ่นเป็นกองหนุนสู้รบอังกฤษ และพันธมิตรชาวโรฮิงญา
ฉะนั้น กองกำลังชาวโรฮิงญาจึงต้องรบราฆ่าฟันกับชาวพม่าที่นับถือศาสนาพุทธในยะไข่ มันเป็น "ประวัติศาสตร์บาดแผล" มาจนถึงทุกวันนี้
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ และชาวโรฮิงญาจะถูกรับรองในความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในสมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี "อูนุ" และมีการตั้งเขตปกครองพิเศษ
ภายหลังการยึดอำนาจของ "นายพลเนวิน" พร้อมกับการนำสังคมนิยมแบบพม่ามาใช้ปกครองประเทศ และมีการปลุกกระแสชาตินิยมพม่าพุทธ
"นายพลเนวิน" ได้เปลี่ยนชื่อจาก "รัฐอาระกัน" เป็น "รัฐยะไข่" ตามมาด้วยการประกาศใช้กฎหมายสัญชาติฉบับใหม่ กำหนดสิทธิของ 135 กลุ่มชาติพันธุ์ แต่ไม่มีกลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงญา
ชาวโรฮิงญาจึงไม่ได้รับสิทธิในการเป็นพลเมืองพม่าตามกฎหมายสัญชาติ ทำให้สถานะของชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ กลายเป็นผู้อพยพที่ไม่ได้สิทธิใดๆ รอเพียงการผลักดันให้ออกนอกประเทศ
"ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้" ชาวโรฮิงญาเป็นเผ่าพันธุ์นักรบ จึงก่อเกิดกลุ่มมูจาฮีดีนมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลก ต่อสู้เพื่อให้มีการก่อตั้ง "รัฐอาระกัน" แต่อังกฤษก็ลอยแพชาวมุสลิมโรฮิงญา
ชาวโรฮิงญาบางกลุ่มจึงตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอาวุธกับ "พรรคคอมมิวนิสต์พม่า-ธงแดง" (Communist Party of Burma-Red Flag) นำโดย "สหายทะขิ่นโซ"
ฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า-ธงแดงนั้น อยู่ในแถบเทือกเขาแห่งอาระกัน และพม่าตอนบน ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์พม่า-ธงขาว จะเคลื่อนไหวอยู่ในเขตภาคกลางและรัฐฉาน
ปี 2505 เกิดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ระหว่างพุทธยะไข่กับมุสลิมในพรรคธงแดง "สหายจ่อ ซานรี" จึงแยกตัวออกมาตั้ง "พรรคคอมมิวนิสต์อาระกัน" (Communist Party of Arakan)
สหายจ่อ ซานรี มีจุดมุ่งหมายเพื่อสถาปนา "สาธารณรัฐสังคมนิยมอาระกัน" แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันและต้องยุติบทบาทการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธในปี 2523 โดยสหายจ่อ ซานรี ได้มอบตัวต่อทางการพม่า
บรรดาสหายมุสลิมโรฮิงญาที่กระจัดกระจายอยู่ในเทือกเขาอาระกันถูกทหารพม่าโจมตีจนต้องถอนกำลังข้ามพรมแดนเข้าไปอยู่บังกลาเทศ ในส่วนที่เรียกว่า "เทือกเขาแห่งจิตตะกอง" (Chittagong Hill Tracts)
เทือกเขาแห่งจิตตะกอง เชื่อมโยงพื้นที่สามประเทศคือ พม่า บังกลาเทศ และอินเดีย โดยนักข่าวคนหนึ่งเคยให้เรียกขานเทือกเขาแห่งนี้ว่า เป็น "สวรรค์ของนักรบปฏิวัติ" ของแนวรบฝั่งตะวันตกโดยแท้ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทั้งสามประเทศ
28 ตุลาคม 2541 นักรบมุสลิมโรฮิงญาหลายองค์กรได้รวมเข้าด้วยกัน และจัดตั้งสภาแห่งชาติโรฮิงญา (อาร์เอ็นซี) และกองทัพแห่งชาติโรฮิงญา (อาร์เอ็นเอ)
นอกจากนั้นได้จัดตั้งองค์กรแห่งชาติโรฮิงญาอาระกัน (เออาร์เอ็นโอ) เพื่อจัดการกับกลุ่มโรฮิงญาที่มีความแตกต่างกันเข้ามาเป็นกลุ่มเดียว
ชาวโรฮิงญาโพ้นทะเลจำนวนหนึ่งยังเป็นแนวหลังที่คอยสนับสนุนเงินทองแก่กองกำลังปลดปล่อยโรฮิงญาในรอยต่อบังกลาเทศ-พม่า
ทั้งหมดเป็นอีกด้านของโรฮิงญา ชาติพันธุ์ที่ต้องดิ้นรนสู้เพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขามิได้หนีไปตายดาบหน้าแต่อย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังมีอีกหลายที่พร้อมเป็นนักรบกู้ชาติแห่งอาระกัน