
แจ้งเหตุร้ายด้วยแอพ'POLICE I LERT U'
คุ้มภัยคนกรุงมีเหตุด่วนแจ้งเหตุร้ายใช้แอพพลิเคชั่น'POLICE I LERT U' : สายตรวจระวังภัย โดยศุภชัย เพชรเทวี
ปัจจุบันการแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้าย-เหตุฉุกเฉิน ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยใช้ระบบการแจ้งเหตุผ่านทางหมายเลขสายด่วน 191 ที่เป็นความรับผิดชอบของศูนย์รวมข่าวกองบังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (กก.ศร.บก.สปพ.) ที่ผ่านมามีประชาชนที่ติดต่อไปยังหมายเลข 191 วันละประมาณ 7,000-8,000 ครั้ง โดยร้อยละ 90 จะเป็นการสอบถามเส้นทาง และการแกล้งเเจ้งเหตุที่ไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้าย จนทำให้ผู้ที่ประสบเหตุด่วน เหตุร้ายจริงๆ ติดต่อเข้ามาไม่ได้ หรืออาจจะต้องรอสายเป็นเวลานาน เกิดความล่าช้าไม่ทันการณ์
ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ว่าจะเป็นประสบอุบัติเหตุ, งูเข้าบ้าน, รถจอดขวางหน้าบ้าน, ไฟไหม้, ลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์, ชิงทรัพย์, ปล้นทรัพย์, ทะเลาะวิวาท และฆาตกรรม ฯลฯ จะต้องทำการชี้แจงรายละเอียดพฤติการณ์ สถานที่จุดเกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นทาง 191 จะประสานข้อมูลไปยังกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) และกองบังคับการนั้นๆจะส่งต่อข้อมูลให้เจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่ ซึ่งในขั้นตอนทั้งหมดนี้อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ในฐานะ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ได้เล็งเห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงคิดวิธีเพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีความทันสมัยในยุคโซเชียลมีเดีย ได้ผุดโครงการรับแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้าย ผ่าน แอพพลิเคชั่น "POLICE I LERT U" (แอพพลิเคชั่นช่วยชีวิตแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้าย) เนื่องจากทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนเข้าถึงประชาชนทุกชนชั้น และสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นนี้ลงบนเครื่องมือสื่อสารแบบสมาร์ทโฟนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ บอกว่า ตำรวจได้คิดค้นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนในการแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้ายต่างๆ ซึ่งแจ้งไปยังกองกำกับการศูนย์รวมข่าว (ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า), ศูนย์วิทยุกองบังคับการ,ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจในเวลาเดียวกัน เช่น กรณีที่ประชาชนถูกชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย อาจจะเกิดอาการวิตก ตกใจกลัว จนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ก็สามารถกดแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือเพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ทันที
"ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้จะเริ่มให้ประชาชนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นในระบบไอโอเอส และแอนดรอยด์ เมื่อโหลดมาให้กรอกข้อมูลของเจ้าของเครื่องนั้นๆ และเปิดแชร์ตำแหน่ง หรือเปิดจีพีเอส โดยจะใช้ระบบนี้ควบคู่กับหมายเลข 191 ในกรณีที่ประชาชนประสบปัญหา หรือเหตุฉุกเฉิน แล้วไม่สามารถติดต่อที่หมายเลข 191 ได้ ก็สามารถใช้แอพพลิเคชั่นนี้ ซึ่งจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ โดยตรง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เจ้าหน้าที่สามารถไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วที่สุด" รองผบช.น. อธิบาย
โครงการนี้ได้สอดคล้องนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาความสงบเรียบร้อย และการป้องกันอาชญากรรมขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานสายตรวจให้มีความพร้อมในการระงับเหตุ และเพิ่มความถี่การตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ นับว่าเป็นการอำนวยความสะดวกความปลอดภัยระหว่างตำรวจกับประชาชนในยุคดิจิทัลเช่นนี้