
ชป.เพชราวุธ-ชป.ศักดิเดชน์นำร่องฝึกต่อสู้คราฟ มากา
ชป.เพชราวุธ-ชป.ศักดิเดชน์ นำร่องฝึกต่อสู้คราฟ มากา : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง
หลักสูตรการฝึกต่อสู้เพื่อป้องกันตัว “คราฟ มากา” (Krav Maga) เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรของกองทัพบกที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งให้ขยายผลการฝึกไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยีทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จะเจริญรุดหน้าไปมาก แต่ในสมรภูมิจริงนั้นก็มีโอกาสสูงที่กำลังพลจะมีโอกาสได้ "ต่อสู้ในระยะประชิด" เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้าศึกและไม่อาจที่จะหยิบฉวยอาวุธประจำกายได้ทัน
ก่อนหน้านี้ กองทัพบกได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ (ชป.) ขึ้น 2 ชุด คือ “ชป.เพชราวุธ” และ “ชป.ศักดิเดชน์” โดยสนธิกำลังกันระหว่างกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.) เพื่อฝึกฝนชุดชป.ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ในระยะประชิด
การต่อสู้ป้องกันตัวแบบคราฟ มากา เป็นศิลปะการต่อสู้ของ "กองทัพอิสราเอล" ที่มีศักยภาพในการป้องกันตัวเอง และลดทอนขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามได้ในแบบตัวต่อตัว และในพื้นที่คับแคบ
คราฟ มากา มีการผสมผสานระหว่างมวยสากล, คอมแบ็ต แซมโบ (การป้องกันตัวด้วยมือเปล่าของทหาร), มวยไทย, ยูโด, ยิวยิตซึ, มวยปล้ำ, ไอกิโดะ และศิลปะการปลดอาวุธและพันธนาการ ซึ่งเมื่อนำมาหลอมรวมกันแล้วจะเป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ครอบคลุมลงตัวสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทหารต้องรบทั้งในป่าและเมือง
โดยมี พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้อำนวยการฝึก เนื่องจากทั้งสองคนเคยได้รับการฝึกฝนการต่อสู้แบบนี้มาก่อน
โดยเฉพาะ พ.อ.คชาชาต เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง "ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 36" ได้จัดการฝึกกำลังพลของกองพลทหารราบที่ 7 ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจึงเล็งเห็นความสำคัญ และขยายผลมายัง 2 ชุด ชป. และให้กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นชุดหัวหอก (spearhead) จัดให้มีการฝึกเพื่อใช้งาน และเป็นชุดครูฝึกเพื่อขยายผลต่อไป
นอกจากเทคนิคการป้องกันตัวคราฟ มากาแล้ว ร.11 รอ. และ ป.1 รอ. ยังมี "ชุดปฏิบัติการพิเศษ" ที่มีขีดความสามารถสูงในการรบในเมืองแบบ CQB (การสู้รบระยะประชิด : Close Quarter Battle)
ทั้ง 2 กรมได้คัดเลือกนายทหาร และนายสิบมาประกอบเป็น "ชุดปฏิบัติการ" 1 ชุดปฏิบัติการ จะประกอบกำลัง 24 นาย โดยต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี มีวุฒิภาวะเหมาะสม มีการตัดสินใจที่ดี เฉียบขาด สามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์อันตราย มีสุขภาพสมบูรณ์พร้อมเข้ารับการฝึกหนัก และปฏิบัติหน้าที่ได้ดีภายใต้สถานการณ์กดดัน
ชุดปฏิบัติการดังกล่าวต้องฝึกหนักนาน 60 วัน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะทางกาย ศึกษา และฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ทุกรูปแบบ เน้นที่ภารกิจการอารักขาบุคคลสำคัญ ช่างภาพในสถานการณ์สู้รบ และภารกิจด้านข่าวกรอง
ความโดดเด่นของ 2 ชป.นี้ นอกจากความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด คือ "เครื่องแบบ" โดยทั้ง 2 ชป. จะไม่แต่งเครื่องแบบสนามปกติขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่จะปรับการแต่งกายให้เหมาะสมกับการปฏิบัติการในเมือง
"ชป.เพชราวุธ" จะสวมกางเกงคาร์โกทางยุทธวิธีมีกระเป๋าข้างคล้ายทหารสีน้ำเงิน และเสื้อโปโลสีเดียวกันอันเป็นสัญลักษณ์ของ ร.11 รอ. ขณะที่ "ชป.ศักดิเดชน์” จะสวมกางเกงคาร์โกสีกากีและเสื้อโปโลสีขาวมีสัญลักษณ์ของ ป.1 รอ. โดยระหว่างปฏิบัติภารกิจจะมีการสวมเสื้อแจ็กเก็ตคลุมทับพร้อมอาวุธประจำกาย
ปัจจุบันยังได้ขยายการฝึกไปยังหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) ของกองทัพอากาศ โดยได้จัดส่งกำลังพลมาให้ร.11 รอ. ทำการฝึก 40 นาย รวมทั้งจากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) อีก 14 นาย
หลักสูตรนี้ใช้เวลาฝึก 30 วัน โดยมอบหมายให้ พ.อ.คชาชาต เป็นผู้ควบคุมการฝึกโดยใช้ "ชุดครูฝึก" จากกองพลทหารราบที่ 7 และกรมทหารพรานที่ 36 รวมทั้งให้ ชป.เพชราวุธ และ ชป.ศักดิเดชน์ ที่ผ่านการฝึกมาแล้วมาเป็น "ผู้ช่วยครูฝึก" เพื่อให้การฝึกสอนมีความครอบคลุมยิ่งขึ้น