
เมืองเวเมืองวังและวันผู้ไทโลก
เมืองเวเมืองวังและวันผู้ไทโลก : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา
ผมเปิดเพจสมาคมผู้ไทโลก พบใบปิดประกาศประชาสัมพันธ์งาน "หนาวลมที่เรณู วันผู้ไทโลก" วันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2558 ณ ลานวัดธาตุเรณู เมืองเว เรณูนคร จังหวัดนครพนม พลันสะดุดตาคำว่า "เมืองเว" กับ "เรณูนคร"
เมื่อ 20 ปีก่อน ผมเคยไปนอนบ้านนักข่าวท้องถิ่นคนหนึ่งที่อำเภอเรณูนคร ตอนที่เขาเล่าประวัติศาสตร์เมืองเรณูนคร ก็ไม่พูดถึงเมืองเว
ไม่กี่ปีมานี้เอง ที่ชื่อ "เมืองเว" ถูกเอ่ยอ้างในฐานะเป็นชื่อเดิมของเมืองเรณูนคร อันเป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไท ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่จะเป็นชาวผู้ไทที่อพยพมาจากเมืองวัง ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบัน)
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ "ท้าวสาย" ผู้นำกลุ่มชาวผู้ไทขึ้นเป็น "พระแก้วโกมล" เจ้าเมืองเรณูคนแรก และทรงยกบ้านเมืองหวายขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร เมื่อราวปี 2387
ในปีนี้ สมาคมผู้ไท ร่วมกับโรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล ดำเนินการจัดกิจกรรม "วันผู้ไท" ขึ้น เพื่อใช้แนวคิดและมิติทางวัฒนธรรมหล่อหลอมนักเรียนในวัยหนุ่มสาว มิให้วิ่งตามกระแสวัฒนธรรมตะวันตก
เนื่องในการทำกิจกรรมตรงกับวันวาเลนไทน์ จึงเลือกชื่อเพลงลูกทุ่ง "หนาวลมที่เรณู" มาเป็นธีมหลักของงานที่บ่งบอกถึงความรักของมนุษย์ และเพลงนี้มีเนื้อหาพร่ำพรรณนาถึงสาวผู้ไทเรณูโดยชายหนุ่มผู้เดินทางมาจากแดนไกล
ผมก็เห็นว่าเหมาะสมมากที่เลือกเพลงหนาวลมที่เรณู เพราะมนต์เสน่ห์ของบทเพลงได้ดูดดึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเยือนเมืองเรณูนคร ด้วยต้องการยลโฉมสาวผู้ไท และดูดอุร้อยไห
แต่ในอีกมุมหนึ่งผมกลับชอบเพลง "มนต์ฮักบ่าวเมืองวัง" ร้องโดย มุกดาวัน สันติพอน และประพันธ์โดย กุไล ลูกลาดอิงฮัง ซึ่งเอ็มวีเพลงนี้ มีคนเข้าชมในยูทูบเกือบ 2 ล้านวิวแล้ว
เพลงมนต์ฮักบ่าวเมืองวัง เป็นความรักของคนชาติพันธุ์เดียวกัน ระหว่าง "สาวเมืองเว" กับ "บ่าวเมืองวัง" โดยมีแม่โขงมาคั่นกลาง
"กลับสู่เมืองเว หัวใจว้าเหว่พะว้าพะวัง คิดเถิงงานพระธาตุอิงฮัง โอ้บ่าวเมืองวังน้องยังจำมั่น คืนเดือนใสส่อง เฮาสองเที่ยวงานร่วมกัน ก่อนจากพรากเมืองสะหวัน สองเฮานั้นต่างก็สัญญา
"มิลืมมิหลง ยังคิดพะวงคะนิงอ้ายเรื่อยมา เคยนัดวันสงกรานต์ปีหน้า น้องสิคอยท่าที่เรณูนคร เฮาไปสาบานต่อหน้าหลวงปู่ถลาแดงขอพอ ฮีตเมืองเวเคยมีมาก่อน ต่างขอพรก่อนวันวิวาห์
วอนปู่ถลา จงมาเป็นพยานให้ เพื่อความฮักของสาวผู้ไท สองฝั่งจงได้ยั่งยืนยาวนาน เหมือนดั่งลำของ ไหลประคองสองฝั่งลำธาร อย่าได้มีสิ่งใดขวางกั้น ฮักเฮานั้นมิมีวันจาง
น้องอยู่เมืองเว คิดฮอดเจ้าเดผู้บ่าวเมืองวัง เป็นฮักเดียวดังมีมนต์ขลัง มิได้หวังโลมชายฮักเก้อ ยังตั้งเจอต่อตั้งเจอรอ ขันหมากเจ้าเดอ ยังคอยท่าอ้ายอยู่เสมอ ยังหวังเป็นเพ่อ มิย่าเมืองวัง"
คนเขียนเพลงนี้ ได้สร้างฉากให้สาวเมืองเวไปเที่ยวงานพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขต และได้พบรักกับบ่าวเมืองวัง
ความรักข้ามพรมแดนจึงบังเกิดขึ้น โดยฝ่ายชายอยู่เมืองวัง แขวงสะหวันนะเขต และฝ่ายหญิงอยู่เมืองเว-เรณูนคร จังหวัดนครพนม
จะอย่างไรก็ตาม ทั้งเพลง "หนาวลมที่เรณู" และ "มนต์ฮักบ่าวเมืองวัง" ก็ได้ทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักชาวผู้ไทสองฟากฝั่งโขง
นอกจากนี้ การจัดงานวันผู้ไทโลกในปีนี้ ทางผู้จัดงานจะเน้นหนักไปที่การจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาของชาวผู้ไทในท้องถิ่นต่าง เพื่อเตรียมการจัดรวบรวมข้อมูลรวบรวมกลุ่มขึ้นเป็นกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาของชาวผู้ไทโดยเฉพาะ
เป้าหมายก็เพื่อสร้างการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อประเภทต่างๆ อย่างเป็นระบบ และเพื่อการส่งเสริมการค้าขายสินค้าท้องถิ่นให้กับหน่วยธุรกิจของชาวผู้ไท ในตลาดระดับประเทศไปจนถึงระดับตลาดการค้าอาเซียน
วาเลนไทน์ปีนี้ อย่าลืมแวะไปเมืองเว เที่ยวงานผู้ไทโลก และฟังเพลงหนาวลมที่เรณู แถมมนต์ฮักบ่าวเมืองวัง