
ตามเส้นทางนรต.สัญชาติเมียนมาร์ฝึกร่วมนรต.ไทย
ตามเส้นทาง นรต.สัญชาติเมียนมาร์ ฝึกร่วมนรต.ไทย : สายตรวจระวังภัย โดยนพดล ศรีทวีกาศ
โครงการฝึกอบรมนักเรียนนายร้อยตำรวจ-แลกเปลี่ยน เป็นหนึ่งในโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนนายร้อยตำรวจ
ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ แน่นอนว่าเมื่อเกิดคดีใหญ่ๆ ระหว่างประเทศเกิดขึ้น จะทำให้การประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจง่ายขึ้นเช่นกัน การร่วมฝึก การใช้ชีวิตประจำวัน ของนักเรียนนายร้อยตำรวจเมียนมาร์ ทั้ง 4 คน กับนักเรียนนายร้อยตำรวจของไทย...มีรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างไร “รองอ๊อด สารคาม” พาไปดูภารกิจนี้ครับ
วันแรกที่ "รองอ๊อด สารคาม" ลงพื้นที่ เข้ามาในรั้วการฝึก จะเห็นการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นมิตร แม้ว่าจะแตกต่างเรื่องภาษา แต่นักเรียนหลายคนก็สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ และได้รู้ถึงพัฒนาการ การใช้ชีวิตร่วมกับนักเรียนนายร้อยตำรวจไทย เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่นนักเรียนนายร้อยตำรวจเมียนมาร์นายนี้
เนย์ มิว ทศ นรต.เมียนมาร์ บอกว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้เข้ามาเรียนกับนักเรียนนายร้อยตำรวจไทย รู้สึกผูกพันกับเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจไทยจนไม่อยากกลับ
"ผมมีภูมิลำเนาอยู่เมืองย่างกรุง ตอนอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ก็ได้เรียนหลักสูตรตำรวจของประเทศเมียนมาร์มา 1 ปี พอจบการศึกษาก็ได้ตำแหน่งเป็นร้อยตำรวจตรี หลังจากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมียนมาร์ได้คัดเลือกให้ผมมาศึกษาต่อหลักสูตรนายร้อยตำรวจไทย 4 ปีพร้อมเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจเมียนมาร์อีก 3 คน ตามโครงการแลกเปลี่ยน ช่วงแรกๆ เรียนก็มีปัญหาเรื่องภาษาแต่ก็ได้เรียนรู้และได้เพื่อนๆ นักเรียนนายร้อยตำรวจไทยคอยแนะนำ และอีก 2 เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว ผมจะนำความรู้วิชาตำรวจที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในประเทศเมียนมาร์ให้มากที่สุด และก็พร้อมประสานการทำงานร่วมกับตำรวจไทยในทุกๆด้าน" เนย มิว ทศ กล่าว
การร่วมเรียนกับนักเรียนนายร้อยตำรวจไทย ระยะเวลา 4 ปี ก่อนจบในอีก 2 เดือนนี้ พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน บอกว่า เมื่อจบไป อาจมีโอกาสได้ประสานการร่วมมือกับตำรวจไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะหากเกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
นับว่าเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ในการประสานความร่วมมือกัน ในโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้า ถ้าเกิดคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ก็จะง่ายต่อการประสานความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ประเทศ