คอลัมนิสต์

'4จอมพล'กับตำนานทีวีอนาล็อก

'4จอมพล'กับตำนานทีวีอนาล็อก

11 ก.ย. 2557

'4จอมพล'กับตำนานทีวีอนาล็อก : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

                 ประเทศไทยก้าวสู่ยุคทีวีดิจิทัล ด้วยการกำเนิดใหม่ทีวีอีก 24 ช่อง แต่ก็ยังหนีไม่พ้น "มหากาพย์ทีวีอนาล็อก" เมื่อช่อง 3 เลือกจะออกอากาศในระบบเดิมไปจนหมดอายุสัมปทาน แทนที่จะเลือกเดินตามช่อง 7 สี ที่ออกอากาศคู่ขนานทั้งดิจิทัลและอนาล็อก


                 ย้อนอดีตในยุคบุกเบิกของโทรทัศน์ภาคพื้นดินของบ้านเรา ผู้ครอบครอง "คลื่นโทรทัศน์" คือผู้ทรงอำนาจสมัยนั้น

                 วันที่ 24 มิถุนายน 2498 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ทำพิธีเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม (ช่อง 9 อสมท) เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย

                 วันที่ 25 มกราคม 2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มอบหมายให้กองทัพบกจัดตั้งสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5)

                 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2510 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เริ่มแพร่ภาพออกอากาศในระบบสีเป็นสถานีแรก ภายใต้การดำเนินการของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานจากกองทัพบก ยุคที่ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็น ผบ.ทบ.

                 บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ก่อตั้งโดย เรวดี เทียนประภาส น้องสาวคุณหญิงไสว จารุเสถียร ภริยาจอมพลประภาส

                 วันที่ 26 มีนาคม 2513 สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในระบบสี ภายใต้การดำเนินการของบริษัทบางกอก เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานจากสถานีไทยโทรทัศน์ ช่อง 4 ที่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยุคที่ จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมตรี

                 กล่าวสำหรับช่อง 3 ถือกำเนิดมาจาก วิชัย มาลีนนท์ ร่วมหุ้นกับกลุ่มจอห์นนี่ มา ธนาคารเอเชียทรัสต์ หรือธนาคารสยาม

                 ว่ากันว่า สมัยหนุ่มๆ วิชัยขับรถบรรทุก และคุมคิวรถอยู่แถวหัวลำโพง วิชัยได้เป็นเอเย่นต์ลอตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

                 หลังจากนั้น วิชัยก็หันมาจับงานทางด้านก่อสร้าง และรู้จักกับจอห์นนี่ มา จึงชวนกันมาลงทุนทำกิจการโทรทัศน์ช่อง 3

                 นิตยสารผู้จัดการรายเดือน ได้นำเสนอความเป็นมาของช่อง 3 ว่า เจ้าของโครงการต้นคิดทำสถานีโทรทัศน์เอกชนรายที่ 2 ของไทยชื่อ มนูญศิริ ขัตติยะอารี ซึ่งต่อมา เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

                 "มนูญศิริ" นำโครงการมาเสนอขายให้ วิชัย มาลีนนท์ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จึงเกิดขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหนึ่งหมื่นหุ้น เมื่อปลายปี 2510

                 ในขั้นต้นนั้น กลุ่มธารวณิชกุล และวิจิตรานนท์ยังไม่ได้เข้ามาร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มี วิชัย มาลีนนท์ ถืออยู่ 40% จิตต์ แพร่พานิช เจ้าของร้านแพร่พิทยาที่วังบูรพา ถืออยู่ 45% ส่วนนายมนูญศิริ ขัตติยะอารี เจ้าของโครงการถืออยู่ 2.5%

                 ช่อง 7 สี ทีวีเอกชนรายแรก ได้สัมปทานจากกองทัพบก เพราะจอมพลประภาส ผบ.ทบ. ต้องการให้ญาติข้างภริยา ดำเนินธุรกิจทีวี จึงเปิดทางให้ได้รับใบอนุญาตจากกองทัพบก

                 ด้านช่อง 3 ก็ต้องใช้อำนาจทางการเมืองช่วย ซึ่งกลุ่มจอห์นนี่ มา และวิจิตรานนท์ มีเพื่อนสนิทคือ พล.ท.ม.ร.ว.ลาภ หัสดินทร และพล.ท.ประชุม ประสิทธิ์สรจักร์ ทั้งสองได้ทำให้ฝันของ วิชัย มาลีนนท์ ปรากฏเป็นจริง

                 นายทหารสองคนนั้น เป็นคนที่สนิทชิดเชื้อกับเครือข่ายการเมืองของจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการได้ใบอนุญาตมาประกอบธุรกิจทีวี

                 จึงมีคำกล่าวที่ว่า จอมพล ป.ทำคลอดช่อง 4 (ช่อง 9) จอมพลสฤษดิ์ ทำคลอดช่อง 7 (ช่อง 5) จอมพลประภาส ทำคลอดช่อง 7 สี และจอมพลถนอม ก็ทำคลอดช่อง 3

                 ในฐานะเป็นทีวีเอกชนที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ ช่อง 7 สี กับช่อง 3 จึงขับเคี่ยวกันในสมรภูมิทีวีเมืองไทย เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง

                 ทีวีอนาล็อกของไทย ได้มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อกำเนิดใหม่ทีวีดิจิทัล 24 ช่อง แต่ดูเหมือนช่อง 3 จะยังไม่ยอมทิ้งทีวีอนาล็อก มรดกของตระกูลมาลีนนท์