คอลัมนิสต์

'ป๋า'แห่งบูรพาพยัคฆ์

'ป๋า'แห่งบูรพาพยัคฆ์

28 ส.ค. 2557

'ป๋า'แห่งบูรพาพยัคฆ์ : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

                บนถนนสายสุวรรณศร จากปราจีนบุรี ผ่านนครนายก และตัดเข้าถนนสายเลียบคลองรังสิต มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางพระนคร อาจเรียกได้ว่า เส้นทางสายอำนาจของเหล่านักรบบูรพา

                ต้นเดือนเมษายน 2524 พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร นำพลพรรคนักรบบูรพาเข้าร่วมก่อการยึดเมือง แต่ไม่สำเร็จ กลายเป็นกบฏ

                เดือนกันยายน 2549 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา สมัยที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 สั่งการให้นักรบบูรพาประสานกำลังกับนักรบเมืองหลวงเข้ายึดอำนาจสำเร็จ

                เดือนพฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขุนทัพบูรพา ตัดสินใจเข้าควบคุมอำนาจ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย

                บุคคลที่น่าจะปีติยินดีเป็นที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ซึ่งกล่าวได้ว่า เขาคือต้นขั้วของฉายา "บูรพาพยัคฆ์" ตัวจริง

                วันเกิดของ พล.อ.ประวิตร เมื่อ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีน้องๆ ไปแสดงความเคารพรักต่อ "พี่ป้อม" จนแน่นบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)

                จุดเปลี่ยนของบูรพาพยัคฆ์ เกิดขึ้นในช่วงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไลน์ 5 เสือ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และเป็นผู้บัญชาการทหารบก คนที่ 34 (1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2548) ได้ดึงตัว พล.อ.อนุพงษ์ จากตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) มาเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ร.1 รอ.) ก่อนขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ตามลำดับ

                การดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ของ พล.อ.อนุพงษ์ ในปีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้บัญชาการทหารบก แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่า การรัฐประหารจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

                เนื่องจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทยกุมเสียงข้างมากชนิดเบ็ดเสร็จในสภา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ได้วางขุมกำลังเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) ไว้ใน 5 เสือ ทบ. และทุกหน่วยรบที่สำคัญ

                พล.อ.อนุพงษ์ ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในเวลานั้นเป็นยุคทองของ ตท.10 จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจในการรักษาพระนครของเพื่อนพ้องน้องพี่ที่จัดวางตัวในการคุมกำลังหลักไว้หมดแล้ว

                กรณี พล.อ.อนุพงษ์ ตัดสินใจครั้งสำคัญในการเข้าร่วมการทำรัฐประหาร ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเท่ากับเป็นการหักหลังเพื่อน

                นั่นหมายความว่า "แม่ทัพป๊อก" ต้องมีข้อมูลอันสำคัญยิ่งประกอบการตัดสินใจ และเตรียมการมานานพอควร จึงมีการโยกย้ายกำลังระดับ ผบ.พัน.ในกรุงเทพฯ หลายหน่วยก่อนวันดีเดย์

                ที่น่าสนใจ ก่อนพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. "พี่ป้อม" พล.อ.ประวิตร ได้ช่วยขยับให้น้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวออกจาก พล.ร.2 รอ. มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1

                อาจกล่าวได้ว่า เบื้องหลังการคุมกำลัง 2 กองพลหลัก คือ พล.ร.1 รอ. และ พล.ร.2 รอ. เข้ายึดเมืองในวันที่ 19 กันยายน 2549 ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการรวมพลังของ "พี่น้อง 3 ป." ที่อยู่เหนือความคาดหมายของกลุ่มเพื่อน ตท.10 สายทักษิณ

                ดังนั้น ในการโยกย้ายทหารฤดูกาล 2550 พล.อ.ประวิตร จึงออกแรงลุ้นน้องรัก-พล.อ.อนุพงษ์ ให้เป็น ผบ.ทบ.อย่างสุดกำลัง

                เนื่องจากในปีนั้น มีแคนดิเดตอยู่หลายคน อาทิ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ ซึ่งสุดท้าย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.สมัยนั้น ได้เลือก พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.คนที่ 36

                ในฐานะเป็นประธานเตรียมทหารรุ่นที่ 6 พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจเลือกเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ. จึงทำให้ "เพื่อนบัง" เกรงใจ และทำให้เขาผลักดันรุ่นน้องขึ้นเป็นผู้นำกองทัพบก

                ปลายปี 2551 พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ ใช้กองบัญชาการสำรอง ด้านหลังตึกบัญชาการของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ (ร.1 พัน.1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เป็นสถานที่จัดตั้ง "รัฐบาลพลิกขั้ว" ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

                อำนาจและบารมีของ พล.อ.ประวิตร จึงเบ่งบาน และเริ่มสร้างเครือข่ายการเมือง

                แม้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประวิตร จะถูกมองว่าเป็น "ทหารการเมือง" แต่ความแนบแน่นของ "พี่ป้อม" กับ "น้องป๊อก" และ "น้องประยุทธ์" นั้น ลึกล้ำเกินกว่าคำว่าพี่น้องธรรมดาสามัญ