คอลัมนิสต์

บทท้าทายอำนาจว่าที่นายกรัฐมนตรี

บทท้าทายอำนาจว่าที่นายกรัฐมนตรี

20 ส.ค. 2557

บทท้าทายอำนาจว่าที่นายกรัฐมนตรี : โลกตำรวจ โดยปนัดดา ชำนาญสุข

               “เดี๋ยวเลยสิ้นเดือนนี้คงจะเบาลง” เจ้าของบ่อนคาดเดาว่าธุรกิจการพนันและธุรกิจที่ผิดกฎหมายต่างๆ จะสามารถดำเนินการได้ตามปกติเฉกเช่นที่ผ่านมา ภายหลังจากสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากการสิ้นสุดสภาพของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงแม้ว่าใครๆ จะรู้โดยทั่วกันว่า ประธาน คสช.กับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทยจะเป็นคนเดียวกันก็ตาม

               วิธีคิดดังกล่าวถือว่าเป็นการสบประมาท หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นลักษณะที่เข้าข่ายภาวะโจรย่ามใจ

               เป็นภาวะที่ท้าทายความจริงจังอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามอาชญากรรมและการกระทำผิดต่างๆ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา!!

               ด้วยเหตุนี้จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป จำต้องใช้วิจารณญาณและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการพิจารณาคัดเลือกทีมงานที่มีความเข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถในการทำงานเพื่อสานต่อนโยบาย มีความสามารถในการสร้างศรัทธาของประชาชนที่ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนต่อไปจะต้องดีกว่าคนที่ผ่านมา และต้องสามารถปฏิรูปประเทศไทยได้อย่างสำเร็จตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้

               ตำรวจเป็นองค์กรที่มีความสำคัญ บทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบและวิถีแห่งการปฏิบัติงานของตำรวจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก และเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันมานานนับทศวรรษว่า ประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยไม่สามารถเป็นไปได้อย่างสูงสุด ทั้งๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบุคลากรที่มีศักยภาพสูงมากเหนือกว่าองค์กรอื่นๆ เนื่องมาจากความล้มเหลวของระบบการบริหารงานบุคคลเป็นรากเหง้าของปัญหาที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากและต้องแก้ไขในส่วนนี้ให้ได้

               ต้องทำให้ระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลในโลกของตำรวจเกิดขึ้นให้จงได้ จึงจะสามารถทำให้ตำรวจเกิดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความรู้ ความสามารถในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน

               โอกาสแห่งความก้าวหน้าและความสำเร็จในอาชีพการงานของตำรวจจะต้องมาจากการปฏิบัติงานที่มีประชาชนคือเป้าหมายที่สำคัญ

               การปล่อยให้ตำรวจต้องวิ่งเต้น แม้กระทั่งวิ่งหาโจรหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ นักการเมืองระดับต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์ตั้งแต่ระดับนายพลลงมาถึงชั้นประทวนนั้น คือภาพสะท้อนของความล้มเหลวในการบริหารงานบุคคลที่น่าหดหู่ น่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนจะเกิดความศรัทธาตำรวจได้อย่างไร?

               การปล่อยให้นักเรียนตำรวจที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนเพื่อนำความรู้ไปปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพตำรวจอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีในการพิทักษ์สันติราษฎร์ บำบัดทุกข์บำรุงสุข ต้องกลับกลายเป็นการเรียนรู้ที่จะหาเงินนอกระบบมาใช้ในการปฏิบัติงาน และเลยเถิดไปจนถึงการประพฤติปฏิบัติที่มีลักษณะเข้าข่ายผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเองนั้น ล้วนมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับความล้มเหลวของระบบการบริหารงานบุคคลและความล้มเหลวในระบบการบริหารงบประมาณในโลกของตำรวจทั้งสิ้น

               อาจกล่าวได้ว่า "ตำรวจเสียเพราะระบบ มากกว่าที่จะเสียเพราะลักษณะนิสัยส่วนบุคคล"

               ทำไมตำรวจจึงเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความเครียดสูง มีสุขภาพจิตที่ไม่ดี มีสภาพครอบครัวที่ไม่เข้มแข็ง และมีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงขึ้นเรื่อยๆ?

               หากผู้นำประเทศยังไม่สามารถแก้ปัญหาระบบงานของตำรวจได้ในห้วงเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้ ความหวังที่คนไทยจะได้ตำรวจดีๆ ก็คงจะรางเลือนเต็มทน

               ขอเชิญชวนคนไทยให้กำลังใจว่าที่นายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีคุณสมบัติที่ดีในการเป็นผู้นำที่สามารถปฏิรูประบบการบริหารงานต่างๆ ในองค์กรตำรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผู้นำที่ได้รับความเชื่อมั่น ศรัทธาจากไพร่พลตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาจนสามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นผลงานที่สังคมจะต้องเฝ้าติดตามและทำการประเมินวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยว่ามีความจริงใจต่อการปฏิรูปตำรวจตามที่กระแสสังคมเรียกร้องตลอดมาจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงการจุดกระแสให้เห็นเพียงปัญหา แต่มิได้มีเจตนาและความสามารถที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังแต่ประการใด!!

               ผลงานและความสามารถในการนำทีมตำรวจเพื่อปฏิบัติงานให้ประชาชนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างแท้จริงต้องมีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว!!

               เสียงเรียกร้องของประชาชนต่อการพัฒนาตำรวจ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและวิสัยทัศน์ของว่าที่นายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในครั้งนี้

               ยี้ หรือ เย้!! ต้องติดตาม ก่อนที่จะลุ้นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีต่างๆ ต่อไป

               คราวนี้จะได้รู้กันว่า

               ของแท้ หรือที่แท้ก็ของเทียม