คอลัมนิสต์

บทพิสูจน์ผบ.ตร.คนใหม่

บทพิสูจน์ผบ.ตร.คนใหม่

20 ส.ค. 2557

บทพิสูจน์ผบ.ตร.คนใหม่ : บทบรรณาธิการประจำวันที่20ส.ค.2557

              อีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะมีผู้นำคนใหม่และจะเป็นการชิงดำที่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งโดยเหลือเพียง 2 รองผบ.ตร.เท่านั้นที่จะเข้าวินคือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 รับผิดชอบงานปราบปรามกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 3 รับผิดชอบงานความมั่นคง ส่วนคนอื่นคงจะออกนอกวงจรเพราะใกล้ชิดอยู่กับฝ่ายการเมืองมากเกินไป การเลือกผบ.ตร.คนใหม่หากไม่มีเหตุฉุกเฉินให้เลื่อนเสียก่อนก็จะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาเป็นประธานและคงจะมีรายชื่ออยู่ในใจแล้วระหว่างตำรวจใหญ่ทั้งสองนายคนหนึ่งสนิทสนมกับศูนย์อำนาจทั้งฝ่ายการเมืองและบิ๊กทหารบางส่วน อีกคนหนึ่งก็เป็นนายตำรวจซึ่งรับผิดชอบงานสำคัญๆ มากมายและยังเป็นรุ่นน้องวัดนวลนรดิศด้วย ส่วนหวยจะออกทางไหนคงต้องรอลุ้นกันจนวินาทีสุดท้าย ว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผบ.ตร.จะเสนอรายชื่อรองผบ.ตร.คนไหนเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเป็นครั้งแรกหลังจากมีการปรับโครงสร้างพ.ร.บ.ตำรวจปี 2547

               น่าสนใจตรงที่ผบ.ตร.คนใหม่นั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะจะมีเพียงอำนาจทางทหารเท่านั้น เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในช่วงสถานการณ์พิเศษ การชุมนุมทางการเมืองหรือม็อบประเภทต่างๆ จะลดน้อยลงและอาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นผู้นำตำรวจคนใหม่จะทำงานโดยปราศจากแรงกดดันที่จะทำให้ตำรวจรักษากฎหมายโดยไร้มาตรฐาน รวมทั้งการใช้กฎหมายตามใจฝ่ายการเมือง บทบาทจากนี้ไปจะเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายล้วนๆ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแบบเนื้อๆ งานจราจรที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนกรุงเทพฯ จะได้รู้กันว่านายตำรวจที่จะขึ้นมารับหน้าที่ทำงานเป็นหรือไม่ ท่ามกลางเสียงครหามานานว่าผู้นำตำรวจที่ก้าวขึ้นมาปัจจุบันทำงานไม่เข้าตาเพราะเติบโตด้วยการวิ่งเต้น ถูกเลือกจากนักการเมือง ย่อมทุ่มเทให้แก่รัฐบาลมากกว่าดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่หลัก

               คสช.เองก็คงคาดหวังว่าองค์กรตำรวจจะกลับมาดีขึ้นเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่อย่าลืมว่าเมื่อตำรวจปลอดจากฝ่ายการเมือง ย่อมมีเวลาทุ่มเทกับงานด้านการปราบปรามเต็มตัว คดีรากหญ้าแต่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจริงเช่น ลัก วิ่ง ชิง ปล้น จะต้องถูกสกัดกั้นจับกุม งานป้องกันจะได้ทำกันเต็มรูปแบบเพราะกำลังในโรงพักไม่ถูกดึงไปดูแลม็อบ โครงสร้างทั้งในด้านกฎหมาย บุคลากร จะถูกเติมโดยรัฐบาลเฉพาะกาล โครงสร้างองค์กรใหม่ตั้งแต่ตำรวจไม่มียศ จนถึงนายตำรวจสำนักงานจะต้องมีหน้าที่ดูแลประชาชนมากกว่าไปเดินตามนายหรือติดสอยห้อยตามนักการเมือง ประเด็นสำคัญคือ การซื้อขายตำแหน่งต้องไม่ปรากฏ หากเป็นเช่นนี้ได้ ภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นต่อองค์กรจะดูดีขึ้น นี่คือภารกิจสำคัญของผบ.ตร.คนใหม่ที่จะทำงานภายใต้อำนาจพิเศษ ผลจะออกมาอย่างไร ประชาชนอย่าเพิ่งคาดหวัง รอดูว่านายตำรวจใหญ่ทุกวันนี้ก้าวขึ้นมาด้วยการวิ่งเต้น หรือยังพอมีฝีมือปนเจืออยู่บ้าง หัวหน้าคสช.คงไม่ทำให้ผิดหวัง