
ปลุกสำนึกประชาชนต้านภัยอาชญากรรมข้ามชาติ
ปลุกสำนึกประชาชนต้านภัยอาชญากรรมข้ามชาติ : สายตรวจระวังภัย โดยขวัญหทัย มาลากาญจน์
ปัจจุบันภัยจากการก่อคดีอาชญากรรมของคนร้ายข้ามชาติกำลังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงทั้งในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก ทั้งการค้ายาเสพติด การปลอมแปลงสินค้า ไม่เว้นแต่การก่อคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ล่าสุด องค์กรตำรวจสากลได้ขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิก ซึ่งมีอยู่กว่า 190 ประเทศ ทั่วโลก ร่วมกันรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามจากอาชญากรรมข้ามชาติ ให้แก่ประชาชนในประเทศนั้นๆ เพื่อหวังได้รับความร่วมมือในการร่วมกันต่อต้านการก่อการร้ายพร้อมกันทั่วโลก
ไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์การตำรวจสากลและถือเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. ในฐานะหัวหน้าตำรวจสากลไทย จึงจัดโครงการรณรงค์ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติพร้อมกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ภายใต้โครงการชื่อ "ประชาชนหันหลังให้อาชญากรรม (Turn Back Crime Pubic Awareness)" ขึ้น โดยเชิญภาคประชาชน เอกชน เช่น หอการค้า สถาบันการเงิน สภาอุตสาหกรรม ข้าราชการตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 3 และ 4 เข้าร่วมสัมมนาในโครงการดังกล่าว
เนื้อหาการสัมมนาเป็นการให้ความรู้เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ว่าคืออะไร จะส่งผลกระทบต่อชีวิตและสังคมอย่างไรในอนาคต นอกจากนั้นมีการจัดนิทรรศการของศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ (Transnationnal Crime Coordination Centre) โดยนำเทคโนโลยีการรวบรวมข้อมูลอาชญากรรมแบบ CMIS หรือ Case Management and Intelligence System มาแสดงให้เห็นในการสนับสนุนการสืบสวนสอบสวน ระบบการตรวจหนังสือเดินทางเข้าออกประเทศจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลหนังสือเดินทางที่หายเพื่อป้องกันอาชญากรข้ามชาติที่หลบหนีหรือมาใช้ในประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำผิดเพื่อรองรับภัยอาชญากรรมข้ามชาติที่จะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเรื่องที่จะต้องมีการพูดคุย และร่วมรณรงค์กับภาคเอกชน และภาคธุรกิจการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจสากลพยายามที่จะสนับสนุนประเทศสมาชิกทั้งหมด 190 ประเทศ เพื่อจัดโครงการรณรงค์ให้ทุกคนใส่ใจปัญหาอาชญากรรม และลุกขึ้นมาป้องกันตัวเอง รวมไปถึงการช่วยเหลือสังคมในเรื่องการแจ้งเบาะแส ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งตนอยากให้มีโครงการรณรงค์เช่นนี้จัดขึ้นไปเรื่อยๆ
"การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เรามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับต่างประเทศอยู่ตลอด และผลัดกันเป็นตัวแทนในการจัดอบรม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน หากประเทศในอาเซียนใดเก่งในอาชญากรรมเรื่องไหน ก็จะเป็นตัวแทนในการจัดอบรมเรื่องนั้นๆ ซึ่งไทยเก่งเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมากก็จะเป็นเจ้าภาพในการฝึกอบรม ส่วนประเทศฟิลิปปินส์จะจัดอบรมเรื่องการค้ามนุษย์ สิงคโปร์จะจัดอบรมเรื่องอาชญากรรมทางด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งจะมีศูนย์รวบรวมข้อมูลและฐานข้อมูลอาชญากรสำคัญที่หนีข้ามประเทศไว้แชร์ข้อมูลกันด้วย" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
สอดคล้องกับ พล.ต.ต.อภิชาติ ที่ระบุว่า อีก 1 ปีข้างหน้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเริ่มขึ้นแล้ว ประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะในวันข้างหน้าคนร้ายข้ามชาติจะมีรูปแบบในการก่อคดีที่ยากต่อการปราบปราม ไม่ว่าตำรวจจะมีความสามารถแค่ไหน หากไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากประชาชนคงยากที่จะหยุดยั้งอาชญากรข้ามชาติได้
.....................................
(หมายเหตุ : ปลุกสำนึกประชาชนต้านภัยอาชญากรรมข้ามชาติ : สายตรวจระวังภัย โดยขวัญหทัย มาลากาญจน์)