คอลัมนิสต์

เพิ่มโทษ'เมาแล้วขับ'ลดสถิติตาย-อุบัติเหตุจราจร

เพิ่มโทษ'เมาแล้วขับ'ลดสถิติตาย-อุบัติเหตุจราจร

16 เม.ย. 2557

เพิ่มโทษ'เมาแล้วขับ'ลดสถิติตาย-อุบัติเหตุจราจร : สายตรวจระวังภัย โดยปฏิญญา เอี่ยมตาล

             7 วันอันตราย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งประชาชนใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติจำนวนมากนั้น ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นตามมาราวกับเงาตามตัว เพียงชั่วเวลาไม่กี่วันมียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนับร้อยคน บาดเจ็บอีกนับพันคน สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงครองแชมป์ต่อเนื่องมานานหลายปี คือ "เมาแล้วขับ"

             น.ส.โศภิต นาสืบ นักวิชาการสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ (สวน.) ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเป็นอันดับ 4 ของโลก ปีละ 26,312 คน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีประชากรใกล้เคียงกับไทยอย่างอังกฤษ พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตของไทยในระยะเวลาเพียง 24 วัน มีมากกว่าของประเทศอังกฤษทั้งปี โดยช่วงเทศกาลซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องกันหลายวันเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นช่วงเวลาฆาตกรรมหมู่ของคนไทย สาเหตุหลักเป็นเพราะการดื่มสุราจนมึนเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะ

             จากการศึกษาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 70.9 ตรวจพบปริมาณแอกอฮอล์ในเลือด โดยร้อยละ 60.1 มีระดับแอลกอฮอล์เกินระดับที่กฎหมายกำหนดหรือเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้จำนวนมากมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดขณะเสียชีวิตสูงถึง 189 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือสูงเกือบสี่เท่าของที่กฎหมายกำหนด ที่น่าเป็นห่วงคือ มีเยาวชนอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่เสียชีวิต ร้อยละ 56 ดื่มสุราก่อนเสียชีวิตและมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเฉลี่ยถึง 139 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

             ขณะที่ช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ในปี 2557 อยู่ระหว่างเก็บข้อมูล ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า อุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้น สาเหตุหลักยังเกิดจากการ "เมาแล้วขับ"

             ด้าน นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ เสนอให้ มีการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง โดยให้อำนาจในการเรียกให้ตรวจ อำนาจในการยึดรถ ยึดใบอนุญาต การเรียกค่าปรับ และการนำคดีขึ้นสู่กระบวนการอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับผู้ที่ไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ให้ถือว่ามีความผิดอย่างรุนแรงและลงโทษหนักกว่ารายอื่นๆ และต้องให้มีการลงโทษที่รุนแรง แน่นอน และชัดเจน รวมถึงระบบการลงโทษผู้ขายสุราร่วมด้วย เช่น กรณีที่ขายให้เด็กแล้วลูกค้าไปเกิดอุบัติเหตุจราจร การกำหนดให้มีการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในกรณีอุบัติเหตุทุกประเภท และลงโทษเพิ่มเติมหากพบว่า มีระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนด

             "ควรจะมีการเพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่เมาสุรา โดยให้อำนาจกับตำรวจในการเรียกตรวจ ยึดใบอนุญาตขับขี่ และยึดรถ ยิ่งรายที่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ยิ่งต้องมีโทษเพิ่มขึ้น รายใดที่ทำผิดซ้ำก็ควรเพิ่มโทษเป็นสองเท่า ไม่เช่นนั้นเราคงไม่สามารถลดปริมาณผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ และปัจจุบันน่าห่วงเพราะผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเป็นเยาวชนอายุน้อยกว่า 20 ปี ซึ่งเมาสุราแล้วขับรถ" นพ.ทักษพล กล่าว

             ทีมข่าวสายตรวจระวังภัย ลงพื้นที่สำรวจ พบว่า แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจจะมีการรณรงค์ไม่ให้ผู้ขับขี่ที่มีอาการเมาสุราขับรถ แต่ปรากฏว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ยังมีผู้ฝ่าฝืน "เมาแล้วขับ" จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่มีพฤติการณ์ขับรถจักรยานยนต์ตระเวนสาดน้ำสงกรานต์

..................

(หมายเหตุ : เพิ่มโทษ'เมาแล้วขับ'ลดสถิติตาย-อุบัติเหตุจราจร : สายตรวจระวังภัย โดยปฏิญญา เอี่ยมตาล)