เกมวัดใจ-ลองเชิงพ.ร.ก.ฉุกเฉินแลก'บังเกอร์'

           การตัดสินใจประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เป็นผลมาจากคำพิพากษาศาลแพ่งที่คุ้มครองการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประการหนึ่ง

           แต่เหตุผลอีกประการหนึ่ง ซึ่งดูจะมีเหตุผลไม่แพ้กัน คือ การหยั่งเชิงดูท่าทีของ "กองทัพ" ที่ตั้งจุดตรวจความมั่นคง หรือ "บังเกอร์" รอบกรุงมากถึง 176 จุด โดยคนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ออกมาขย่มอย่างต่อเนื่องในระยะหลังว่า บังเกอร์ทหารกลางกรุงกระทบความรู้สึกของต่างชาติ และอยากให้ทหารนำออกไปหลังรัฐบาลเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว

           แหล่งข่าวในกองทัพเล่าถึงเบื้องหลังแรงกดดันให้ทหารยกเลิกบังเกอร์ทหาร 176 รอบกรุงเทพฯ ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเกมที่ "นายใหญ่" ต้องการ "วัดใจ" กับกองทัพ โดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งไม่มีผลในทางปฏิบัติแล้ว เพราะศาลแพ่งริบอำนาจตามคำสั่ง 9 ข้อใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปหมดสิ้นแล้ว เพื่อต่อรองแลกกับการยกเลิกบังเกอร์ทหารที่รัฐบาลมองว่า ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

           "จากการหารือในทีมยุทธศาสตร์ต้องการปิดเกมการเคลื่อนไหวของ กปปส.ภายในสิ้นเดือนเมษายน โดยเตรียมแผนการรุก เช่น การเปลี่ยนประธาน นปช.จาก นางธิดา ถาวรเศรษฐ เป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือการวางตัวนายกฯ คนใหม่แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งด่านแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้ คือ การกดดันให้ยกเลิกบังเกอร์ทหารรอบพื้นที่ชุมนุม"

           แหล่งข่าวในกองทัพชี้ว่า บังเกอร์ทหารรอบพื้นที่ชุมนุมถือเป็น "อุปสรรค" สำคัญประการหนึ่ง โดยเฉพาะแผนในการลดทอนกำลังของผู้ชุมนุม กปปส. ที่ยืนหยัดต่อต้านรัฐบาลมานานเกือบ 5 เดือน

           “รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อำนาจบริหารอยู่ในมือ และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อหวังวัดกำลังกับกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่กลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาอาการไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ โดยเฉพาะบังเกอร์ทั่วกรุงเทพฯ 176 จุด ที่มองว่าเป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการของรัฐบาล”

           แหล่งข่าวในกองทัพเผยถึงจุดยืนของทหารว่า เรื่องบังเกอร์ 176 จุด กองทัพเคยชี้แจงรายละเอียดไปแล้วว่า ยังไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะสถานการณ์ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่สำคัญยังคงเกิดเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีกำลังทหารเข้าไปประจำตามพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวนมากก็ตาม แต่สถานการณ์ความรุนแรงก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

           “ขนาดกองทัพจัดกำลังไปดูแลยังมีเหตุรุนแรงเกือบทุกวัน อยากถามว่า ถ้าถอนกำลังออกหมดแล้ว รัฐบาลจะเอากำลังส่วนไหนไปดูแล สิ่งที่กองทัพเป็นห่วงตอนนี้คือองค์กรอิสระ รวมถึงศาล ที่ขณะนี้ถูกข่มขู่เกือบทุกวัน ดังนั้นรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบจะต้องเร่งดำเนินการคลี่คลายเหตุการณ์รุนแรงให้เบาลงให้ได้เสียก่อน” แหล่งข่าวในกองทัพกล่าวย้ำ

           พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงจุดยืนของกองทัพในเรื่องบังเกอร์ว่า สำหรับเรื่องการตั้งบังเกอร์ภายหลังจากมีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วกลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แทนนั้น ขณะนี้ทางทหารยังคงตั้งจุดตรวจร่วมบริการประชาชน หรือบังเกอร์ จำนวน 176 จุด ตามเดิม เนื่องจากการดูแลรักษาความปลอดภัย และเฝ้าระวังเหตุต่างๆ ยังคงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจตามปกติ ซึ่งการปรับหรือลดบังเกอร์นั้น ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ในเรื่องของบังเกอร์ที่ผ่านมาก็พยายามปรับรูปแบบให้มีความกลมกลืนกับสถานที่นั้นๆ บางส่วนย้ายไปอยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือพ.ร.บ.ความมั่นคง ยังคงต้องมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยเหมือนเดิม

           จากสัญญาณสี "เขียวเข้ม" เรื่องบังเกอร์ รวมถึงบทสัมภาษณ์อันดุดันของ ผบ.ทบ.ต่อผู้นำมวลชนอีกฝ่าย จึงอ่านสถานการณ์ได้ไม่ยากว่า ใครคือผู้ถือแต้มต่อ และเป็นผู้ที่ "คุมเกม" ทั้งหมด

..............................

(หมายเหตุ : เล่นเกมวัดใจ-ลองเชิงกองทัพ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แลก'บังเกอร์'  : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง)