คอลัมนิสต์

วิกฤติศรัทธา...จากท้องนาสู่ศูนย์อำนาจการเมือง

วิกฤติศรัทธา...จากท้องนาสู่ศูนย์อำนาจการเมือง

20 ก.พ. 2557

วิกฤติศรัทธา...จากท้องนาสู่ศูนย์อำนาจการเมือง : กระดานความคิด โดยสุทธิชัย หยุ่น

              ผมฟังผู้นำชาวนาท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์วิทยุเช้าวันก่อน แม้จะมีข่าวจากรัฐบาลว่าหาเงินมาจ่ายชาวนาได้แล้วแต่ก็ยังไม่เชื่อใจอะไรเลย

              คุณระวี รุ่งเรือง ประธานศูนย์ข้าวชุมนุมภาคตะวันตก บอกว่าจะไปพบนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร (เช้าเมื่อวาน) เพื่อจะขอให้รัฐบาลจ่ายเงินที่ค้างจำนำข้าวชาวนาอีก 1.1 แสนล้านบาทภายใน 7 วันให้หมด

              เขาบอกว่าแม้จะมีข่าวว่าธนาคารออมสินจะให้ ธ.ก.ส กู้, ก็ไม่ได้มีความหวังมากขึ้นแต่อย่างใด “เพราะโกหกกันมานาน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อปล่อยข่าว เพื่อไม่ให้ชาวนาเคลื่อนไหวเท่านั้น”

              และก็เป็นอย่างนั้นจริง เพราะรักษาการรัฐมนตรีกิตติรัตน์ ณ ระนองออกมาเจอตัวแทนชาวนาแต่ตอบไม่ได้ว่าจะหาเงินมาจ่ายได้เมื่อไหร่

              ตัวแทนชาวนาไม่พอใจ บางคนปาขวดน้ำเข้าใส่ คุณกิตติรัตน์ถึงกับต้อง “เผ่น” หลบเข้าไปในตึกของสำนักงานปลัดกลาโหม
เข้าทำนอง “ไม่มี, ไม่หนี, ไม่จ่าย” ที่เคยลือลั่นสมัยวิกฤตต้มยำกุ้งทีเดียว

              คุณระวีบอกว่าชาวนาส่วนหนึ่งอาจจะสับสน แต่ “วันนี้ ชาวนาไม่โง่แล้วครับ ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้นทำให้รู้ว่ารัฐบาลหลอกมาตลอด ส่วนหนึ่งอาจจะรอ แต่อีกส่วนหนึ่งไม่รอ มันเป็นเงินเล็กน้อยที่รัฐบาลหามาได้ แล้วก็ปล่อยข่าวออกมาว่าจะทยอยจ่าย”

              หากทยอยจ่ายวันละ 5,000 ล้านบาทก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าจ่ายอาทิตย์ละ 5,000 ล้านบาท, ต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน ชาวนารอไม่ได้เพราะมีปัญหาหนี้สินต่าง ๆ

              ตัวแทนชาวนาท่านนี้เห็นว่ารัฐบาลพูดจาไม่สมเหตุสมผล “ที่บอกว่าจะทยอยจ่าย ใครเดือดร้อนจะจ่ายให้ก่อน ใครไม่เดือดร้อนจะจ่ายให้ทีหลัง ผมถามว่านี่มันเป็นเงินของชาวนานะครับ รัฐบาลพูดเอาแต่ได้ ...คนอย่างนี้เป็นผู้บริหารประเทศได้อย่างไร?”

              เขาอธิบายว่าที่ต้องไปหานายกฯโดยตรงเพราะ เคยพบกับแกนนำรัฐบาล (รัฐมนตรีหลายท่าน) แล้ว “ไม่ได้เรื่องครับ”

              ชาวนาทยอยฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (ถึงวันนี้กว่า 10 คนแล้ว) เพราะไม่มีเงินใช้จ่าย “เราไม่ใช่คนกินเงินเดือน เมื่อรัฐบาลเอาข้าวเราไปแล้วไม่จ่ายเรา เราก็เดือดร้อนอย่างยิ่ง รอมา 3-4 เดือนแล้ว, มันเต็มที่แล้ว”

              คุณระวีบอกว่าขอให้รัฐบาลรีบจ่าย อย่าเอาชาวนาไปค้ำบัลลังก์เพื่ออยู่ในอำนาจต่อไปเพราะชาวนาเดือดร้อนจริง ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง

              ในฐานะหนึ่งในหัวหน้าชาวนาที่กำลังประท้วงรัฐบาล คุณระวียืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ กปปส. แต่การที่รัฐบาลไม่แก้ปัญหาเรื่องจ่ายเงินครั้งนี้เป็นการผลักให้ชาวนาไหลไปอยู่กับ กปปส.

              “ผมพยายามจะยืนระยะห่างจาก กปปส. เพราะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ กปปส. และยืนยันว่าทันทีที่รัฐบาลจ่ายเงินชาวนาครบ ก็จะกลับบ้านทันที ไม่มีการร่วมประท้วงล้มรัฐบาลกับ กปปส. แต่อย่างไร” คุณระวียืนยัน

              ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในกิจกรรมการมาเรียกร้องรัฐบาลครั้งนี้มาจากการบริจาคของชาวบ้านทั้งใน กทม. นนทบุรีและจังหวัดอื่น ๆ ไม่มีองค์กรการเมืองหรือนักการเมืองหนุนหลังหรือให้เงินแต่อย่างไร เขาบอกว่า ณ ขณะนี้มีเงินบริจาคช่วยเหลือชาวนาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท มีบัญชีแสดงหลักฐานการรับเงินและใช้เงินอย่างชัดเจน

              เขาบอกว่าชาวนาบางส่วนอยู่ข้าง กปปส. อีกบางส่วนก็ยังนิยมรัฐบาล แต่ยืนยันว่าเป็นชาวนาจริงและมาต่อสู้ด้วยบริสุทธิ์ใจ

              “ยิ่งรัฐบาลบอกว่าเป็นชาวนาปลอม, ยิ่งเรียกแขกให้ชาวนามาชุมนุมกันมากขึ้นครับ”

              การดิ้นรนของรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไป วันนี้ก็คือรู้ว่าที่รัฐมนตรีหลายคนออกมาบอกว่าจะเริ่มทยอยจ่ายเงินชาวนาได้ตั้งแต่เมื่อวานเป็นจริงแค่ไหนอย่างไร และหากเป็นจริงตามข่าวว่าธนาคารออมสินจะให้กู้ระหว่างธนาคารกับ ธ.ก.ส  5,000 ล้านบาท และกรุงไทยปล่อยกู้พ่อค้าข้าวรายละ 200 ล้านไปซื้อข้าวจากรัฐบาลในวงเงิน 5,000 ล้านบาทและการระบายข้าวออก 6.8 แสนตัน (คาดจะได้มา 7,000 ล้านบาท), จะมีเงินจริง  ๆ จ่ายชาวนาได้เท่าไหร่

              และจะมีปัญหากฎหมายจากที่รัฐบาลคิดจะออกพันธบัตรให้องค์กรของรัฐซื้อไปเพื่อหาเงินมาจ่ายชาวนาอย่างไรหรือไม่?

              ภาพพนักงานธนาคารของรัฐแต่งดำเพื่อประท้วง, สหภาพแรงงานของธนาคารรัฐออกแถลงการณ์คัดค้าน, ผู้ฝากเงินธนาคารรัฐแห่กันไปถอนเงิน, และภาพตัวแทนชาวนาประท้วงหน้ากระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่องสะท้อนถึงความเป็นไปของบ้านเมืองวันนี้อย่างน่ารันทดยิ่ง

.............

(หมายเหตุ : วิกฤติศรัทธา...จากท้องนาสู่ศูนย์อำนาจการเมือง : กระดานความคิด โดยสุทธิชัย หยุ่น)