คอลัมนิสต์

จะไล่ล่าแกนนำม็อบเพื่ออะไร

จะไล่ล่าแกนนำม็อบเพื่ออะไร

31 ธ.ค. 2556

จะไล่ล่าแกนนำม็อบเพื่ออะไร : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา

             การตัดสินใจไล่ล่าแกนนำผู้ชุมนุมได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจาก พิชิต ไชยมงคล ถูกจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าย่านถนนศรีนครินทร์ และถูกควบคุมตัวไปยังค่าน ตชด.ที่ จ.ปทุมธานี

             เช้าวันถัดมา นิติธร ล้ำเหลือ อีกหนึ่งแกนนำผู้ชุมนุม คปท.ให้สัมภาษณ์รายการ "ยามเช้าริมเจ้าพระยา" ทางเอเอสทีวีว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถไล่ตามประกบ โดยมีอาวุธปืนเก็บเสียงเล็งมาที่รถด้วย กว่าจะรอดมาได้ ก็ต้องฝ่าไฟแดง และวนรถย้อนกลับมาที่ชุมนุม

             แต่ที่รอดมาได้จริงๆ ก็เพราะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งมาชนกับรถที่ขับติดตามมา โดย นิติธร บอกว่า คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างถูกหิ้วขึ้นรถ แล้วเอาผ้าปิดตา พาไปทิ้งที่ถนนเส้นบางบัวทอง-สุพรรณบุรี พร้อมกับให้เงิน 500 บาทแล้วสั่งไม่ให้พูดอะไร

             จะว่าไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นิติธร ก็ไม่น่าจะยากเย็นนักสำหรับการแสวงหาข้อเท็จจริง เพียงแค่ดูกล้องวงจรปิด รวมทั้งหาตัวคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้นให้ได้เท่านั้น

             แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถ้ามันไม่จริงก็ไม่รู้ว่า นิติธร จะปั้นเรื่องเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา เพราะสร้างเรื่องไปก็ไม่ได้ทำให้การชุมนุมบรรลุถึงเป้าประสงค์ ไม่ได้ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี ยิ่งไม่ได้ทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พ้นจากตำแหน่ง ผบช.น.

             เพียงแต่ทำให้เกิดข้อกังขาว่า บ้านนี้เมืองนี้มันมีคนที่ทำเรื่องอุกอาจได้กลางบ้านกลางเมืองกันอย่างนี้เลยเชียวหรือ

             ท่ามกลางสายตาประชาชน ท่ามกลางกล้องวงจรปิด ยังมีคนที่คิดว่า อยู่เหนือกฎหมายกล้าทำในสิ่งที่หากถูกจับกุมได้คงได้ติดคุกหัวโตกันจริงๆ เชียวหรือ

             ถามว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่จะต้องสั่งการให้ตรวจสอบ เพื่อเอาตัวคนที่บังอาจกระทำการเช่นนั้นมาดำเนินคดีใช่หรือไม่...ทุกคนก็คงจะตอบว่าใช่ เพราะเป็นผู้ที่ควบคุมดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถึงแม้จะมีวันนี้เพราะพี่ให้ก็เถอะ

             แต่ในความเป็นจริง เรื่องเช่นนี้คงต้องถาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับแกนนำม็อบที่ชุมนุมกันมานานมากแล้ว

             แรงกดดันที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในกลุ่มผู้ชุมนุมเองนั้นเรียกได้ว่า แรงกดดันมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะไม่รู้จะหาวิธีการสงบ สันติ อหิงสาอย่างไร ที่จะทำให้การชุมนุมไปถึงจุดหมาย การปล่อยให้มีเหตุการณ์บางอย่างทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบนี้ อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ชุมนุม และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้เช่นกัน

             เพราะความจริงแล้วทั้งรัฐบาล รวมทั้ง "นายใหญ่" ก็ยังมองว่า ภัยคุกคามหลักที่มีต่อรัฐบาลและ ยิ่งลักษณ์ มีแค่ "ปืน" ก็คือ กองทัพทำรัฐประหาร และคำสั่งศาลให้พ้นจากตำแหน่งเท่านั้น

             ส่วนม็อบที่ชุมนุมนั่นนี่ ขู่จะปิดกรุงเทพฯ ถ้าอยากทำก็ทำไป ไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้ว

             "นายใหญ่" สั่งเด็ดขาด แบ่งงานกันชัดเจนแล้ว ไม่ว่าเป็น ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง รวมทั้ง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่พักหลังให้สัมภาษณ์ "ชนแหลก" ทุกสื่อ ทุกรายการ

             ทั้งสามคนนี่แบ่งงานกันดูในเรื่องของ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี อีกคนดูเรื่องการเมือง เรื่องวางคนทำงานรวมทั้งเรื่องวาทกรรมทางการเมืองที่พูดออกมาแล้วกระแทกความรู้สึกบรรดามิตรรักแฟนเพลง ส่วนอีกคนก็ดูเรื่องทุนรอนที่ตระเตรียมไว้ใช้จ่าย

             เพียงแต่เรื่องความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่เรียกกันว่า ฮาร์ดคอร์ทั้งหลายดูจะเงียบเป็นพิเศษเท่านั้น

             แต่ก็มีข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ที่ไม่ออกมาในช่วงนี้ เพราะขาใหญ่ที่ภาคเหนือตอนนี้ ยังไม่มีตำแหน่งอะไร ประเมินแล้วว่า เอามาก็ไม่คุ้ม โอกาสจะไปเข้าทางกองทัพ สบช่องออกมายึดอำนาจเสียมากกว่า ซึ่งก็ตรงกับ "ขาใหญ่" ที่ก่อนหน้านั่งอยู่ที่สูงในสภา ก็ประเมินแบบนั้นเช่นกัน

             ก็จะมีแต่ ขาใหญ่เมืองอุดรฯ ที่ออกมาแสดงบทบาทอยู่บ้าง แต่ก็ลุยแต่เฉพาะในพื้นที่ เนื่องจากพักหลังซดเกาเหลากับ แกนนำนปช.

             แต่ในเมืองกรุงนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ฮาร์ดคอร์ จะไม่มีเลยเสียทีเดียว "ฝ่ายความมั่นคง" ประเมินแล้วว่า มีกองกำลังของอดีตการ์ดที่มีสายสัมพันธ์กับรามคำแหงอยู่ร่วมๆ 2,000 คน แต่ก็เสียไปเยอะจากเหตุปะทะกันที่รามคำแหงเมื่อต้นเดือน ยังมีของน้องชายอดีตตำรวจอีก 300 คน ของอดีตคนตุลาอีก ร่วมๆ 1,000 คน

             เห็นตัวเลขกองกำลังที่มากมายขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่า จะมีเหตุมีเรื่องอุกอาจเกิดขึ้นกับแกนนำม็อบ ให้เป็นเรื่องเป็นราวจนอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นกับบ้านเมืองไปทำไม

.........................

(หมายเหตุ : จะไล่ล่าแกนนำม็อบเพื่ออะไร : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา)