คอลัมนิสต์

เปิดมุมมอง'ญาณพล'ดีเอสไอที่น่าจะเป็น

เปิดมุมมอง'ญาณพล'ดีเอสไอที่น่าจะเป็น

09 ต.ค. 2556

เปิดมุมมอง'ญาณพล'ดีเอสไอที่น่าจะเป็น : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา

                ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับเส้นทางการทำงานของนายตำรวจที่ก่อนหน้านี้อยู่ในสาย "เทคโนโลยี" แต่เมื่อต้องสไลด์จากกรมตำรวจมาสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ซึ่งตอนนี้ ต้องเรียกว่า อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะเพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง

                ในฐานะอดีตผู้บริหารระดับสูงของดีเอสไอ เมื่อพ้นจากเก้าอี้แล้วหันกลับไปมองว่า สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานทั้งคดีอาชญากรรมตามแนบท้ายของกฎหมายดีเอสไอ และคดีใหญ่ที่คณะกรรมการคดีพิเศษลงมติให้รับมาทำเป็นคดีพิเศษแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่น่าจะเพิ่มเข้ามาเพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่

                "ผมคิดว่าดีเอสไอ และหน่วยงานลักษณะเดียวกันอย่างเช่น กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปท. ผู้บริหารสูงสุดน่าจะมาจากการสรรหาแล้วผ่านการเลือกของวุฒิสภา (เหมือนกับ สตง.) แล้วให้อยู่เป็นวาระ 4 ปี จะได้ตัดปัญหาที่ทำให้ดีเอสไอถูกโจมตี แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณธาริต (เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ) จะไม่เก่งนะ ผมว่าบุคลิกของคุณธาริต เหมาะสมเลยล่ะ คิดไวตัดสินใจเร็ว"

                ที่ผ่านมาดีเอสไอถูกครหามาตลอดว่า โอนอ่อนไปกับ "การเมือง" จนบางครั้งถูกแทรกแซง ซึ่งตรงนี้ อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ ยอมรับว่า มีบ้างในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ฝากกันมา บางครั้งชื่อที่ถูกขีดทิ้งยังมาบอกว่า คนนี้ต้องได้ แบบนี้ก็มี

                "ในเรื่องคดีจะเป็นในลักษณะให้รับทำคดีหรือไม่ให้รับทำคดี แต่ไม่ได้แทรกแซงสั่งคดีให้ผิดหรือถูก เพราะคดีที่ดีเอสไอทำ ว่ากันตามจริงแล้วมันใช่ทั้งนั้นแหละ อย่างคดีรถหรู เราทำกันก่อนหน้านั้นนานแล้ว ไม่สังเกตเหรอ พอมีเรื่องปุ๊บวันถัดมา ข้อมูลจากดีเอสไอก็ออกมาปั๊บๆๆ"

                อย่างไรก็ดีเรื่องรถจดประกอบ พ.ต.อ.ญาณพล บอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะสาวไปถึงตัวการระดับรัฐมนตรีอย่างที่คนทั่วไปพูดกันว่าเกี่ยวแน่

                "เพราะเอาเข้าจริง คนพวกนั้นก็เหมือนกับคนมีเงินทั่วไปแล้วอยากได้ของถูกนั่นแหละ แต่ถามว่า รู้ไหมว่ามันผิด ผมถามหน่อยไม่รู้จริงๆ เหรอว่า มายบัคซื้อมาสิบกว่าล้าน แต่ราคาจริงๆ มันอยู่ที่ 90 กว่าล้าน"

                เพื่อให้พ้นจากข้อกล่าวหาทางการเมืองสิ่งที่เขาอยากเห็นก็คือ ต้องเปิดใจแล้วปรับโครงสร้างกรรมการคดีพิเศษที่ปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็เลยถูกกล่าวหาว่า การเมืองสั่งให้ทำคดี เพื่อให้หมดข้อกล่าวหานี้ ก็น่าจะให้มีตัวแทนผู้นำฝ่ายค้าน มานั่งเป็นกรรมการด้วย ปัญหาจะได้จบ

                อย่างไรก็ตาม เทรนด์ของกระทรวงยุติธรรมในปัจจุบันจะเน้นในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมและการเยียวยา การที่มีหน่วยงานอย่างดีเอสไออยู่ถึงแม้มันจะแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็มีความจำเป็น เพราะหากปล่อยให้ตำรวจทำคดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้อยเวร ถ้าคดีไม่ถูกดอง ก็จะทำๆ ไปเพื่อให้มันเสร็จ แต่สำหรับดีเอสไอ ไม่ใช่ เราทำคดีนี้แล้วแตกแยกย่อยไปเรื่องอื่น แม้กระทั่งเรื่องภาษี ก็ต้องสืบสาวเอาด้วย เพราะประเทศไทยแม้แต่คนค้ายาเสพติด ก็ยังต้องเสียภาษี

                และเรื่องภาษีนี่เองที่ทำให้ พ.ต.อ.ญาณพล เสนอไอเดียให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีว่าต่อไปนี้ จำเป็นที่จะต้องเพิ่มเป็นบทบัญญัติในประมวลรัษฎากรหรือไม่ว่า พระจะต้องยื่นแบบเสียภาษี

                พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระมาหลายกรณีแล้ว กรณีล่าสุดนี่ก็คือ "เณรคำ" ที่ตอนตกเป็นผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ กระทำชำเรา โดยถิ่นพำนักของเณรคำน่าจะยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ที่ว่าอยู่ สปป.ลาวนั้น น่าจะเป็นการปล่อยข่าว

                "นอกจากเรื่องยื่นภาษีแล้ว ก็ให้มีกฎหมายฟอกเงินพระ คือหลวงปู่จะมีรายได้อย่างไร รวยแค่ไหนก็ว่ากันไป แต่ญาติพี่น้องของหลวงปู่รวยจากอะไร เสียภาษีกันบ้างหรือเปล่า อันนี้มันต้องมีนะ หรือถ้าหากไม่เอาแบบนั้นก็ประกาศกันไปเลยว่า เงินบริจาคที่ให้หลวงปู่ไม่ใช่แค่ทะนุบำรุงศาสนา แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังญาติพี่น้องหลวงปู่ด้วย คือบริจาคไปแล้วลูกหลานหลวงปู่รวย เอาแบบนั้นเลย"

                ถามว่าแบบนี้เรียกฉ้อโกงได้ไหมเพราะวัดใหญ่ๆ ดังๆ หลายวัดก็ทำกันแบบนี้ อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า มันพิสูจน์ได้จาก เพราะบางทีไปบอกว่า ทำบุญแล้วได้ขึ้นสวรรค์ ก็ต้องรอให้คนทำบุญตายเสียก่อนถึงจะรู้ว่า ได้ขึ้นสวรรค์หรือเปล่า

                "ปัญหาคือพอตายแล้วเขาก็ไม่ได้มาบอกเรานี่สิ.. " พ.ต.อ.ญาณพล ทิ้งท้ายเรียกเสียงฮา

............

(หมายเหตุ :  เปิดมุมมอง'ญาณพล'-ดีเอสไอที่น่าจะเป็น : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา)