
อินเดีย ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน
ประเทศที่เป็น คู่กัด ชนิดถาวรนั้น ต้องนับเนื่อง อินเดียกับปากีสถาน ไว้ในลำดับต้นๆ เพราะทั้งสองประเทศสะสมความขัดแย้งมานานกว่า 60 ปี แล้วครับ เอาเป็นว่าเริ่มตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ในปี พ.ศ.2490 โดยปากีสถานได้แยกตัวออกจากอินเดีย
เป็นประเทศมุสลิม 1 ประเทศ 2 ดินแดน คือปากีสถานตะวันตก กับปากีสถานตะวันออก ทั้งนี้มีอินเดียคั่นกลาง ซึ่งต่อมาปากีสถานตะวันออกได้แยกตัวเป็นประเทศบังกลาเทศ ส่วนปากีสถานตะวันตกก็คือประเทศปากีสถานในปัจจุบัน
แต่เดิมนั้นอินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนได้รับการขนานนามว่าอนุทวีป ประกอบด้วยแว่นแคว้นและชนกลุ่มต่างๆ มากมาย เฉพาะภาษาที่ใช้ก็มีกว่า 70 ภาษา เป็นแหล่งกำเนิดศาสนาและลัทธิต่างๆ มาแต่โบราณกาล แต่ศาสนาที่มีประชากรนับถือมากที่สุดได้แก่ ศาสนาฮินดู แต่ในศตวรรษที่ 16 อินเดียถูกยึดครองโดยราชวงศ์โมกุลซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จนถึงศตวรรษที่ 19 อินเดียก็ตกเป็นประเทศราชของอังกฤษ จน มหาตมะ คานธี เป็นผู้นำในการเรียกร้องเอกราช โดยใช้หลักอหิงสา
ปัญหาที่คาใจชาวอินเดียและปากีสถานอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ยังเป็นประเทศราชของอังกฤษก็คือเรื่องศาสนา แต่เงื่อนปมที่เพิ่มขึ้นมาหลังการแยกประเทศ ก็คือเรื่องเขตแดน โดยเฉพาะแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งราชาของแคว้นนับถือศาสนาฮินดู ขณะที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เมื่อราชาแห่งแคชเมียร์ตัดสินใจนำแคว้นของตนเข้ารวมกับอินเดีย จึงก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่ประชาชนซึ่งต้องการจะรวมกับปากีสถาน แต่ในที่สุดอินเดียก็ได้ผนวกแคว้นแคชเมียร์เป็นของตน เมื่อต้นปี พ.ศ.2500 โดยไม่สนใจต่อเสียงคัดค้านของปากีสถาน และไม่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ
ความขัดแย้งเรื่องแคชเมียร์ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อเกิดการสู้รบระหว่างทหารอินเดียกับปากีสถานขึ้น ในปี 2508 และ 2514 ซึ่งปากีสถานตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และที่ตามมาคือการที่ปากีสถานตะวันออกแยกตัวออกเป็นบังกลาเทศ ขณะที่ปัญหาเรื่องแคชเมียร์ก็ยังไม่มีข้อยุติ หนำซ้ำยังนำไปสู่การพัฒนาและสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของทั้งสองประเทศ โดยสหรัฐให้ความสนับสนุนแก่ปากีสถาน และโซเวียตให้การสนับสนุนอินเดีย
เมื่อสหภาพโซเวียตส่งทหารเข้าบุกอัฟกานิสถาน ในปี 2522 ทำให้ปากีสถานซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศดังกล่าว ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม ทำให้ปากีสถานตัดสินใจร่วมมือกับสหรัฐในการใช้ดินแดนของตนฝึกฝนและส่งอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กลุ่มมูจาฮิดินซึ่งต่อต้านโซเวียต อันเป็นปลุกกระแสจิฮัดให้โชติช่วงขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากสหรัฐและจีนเข้าไปมีบทบาทในอินเดียแทนที่โซเวียต แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็กลับตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง จากกรณีการก่อวินาศกรรมในนครมุมไบ เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 50 คน และบาดเจ็บประมาณ 150 คน ทางการอินเดียได้ตั้งข้อสงสัยไปที่กลุ่มการก่อร้ายชาวปากีสถาน Laska-e-Taba หรือ LeT ซึ่งอินเดียกล่าวหาว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนด้านการฝึกอาวุธ และการเงิน จากหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน ที่สำคัญคือกลุ่ม LeT มีแนวคิดเรื่องการก่อตั้งรัฐอิสลามในอินเดียมากกว่าการแบ่งแยกแคชเมียร์ และเคยประกาศว่าอินเดียเป็นแกนหนึ่งในกลุ่ม “สหรัฐ-ยิว-ฮินดู” ซึ่งจะต้องถูกต่อต้านจนสิ้นซาก
อย่างไรก็ตาม ปากีสถานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าอินเดีย เพราะพวกตาลีบันจากอัฟกานิสถานได้ลงมือก่อวินาศกรรมตามเขตเมืองใหญ่ๆ ของปากีสถาน และยึดครองพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดเพียง 100 กิโลเมตร ไว้ได้ ทั้งนี้เพื่อตอบโต้การที่ปากีสถานให้ความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามกลุ่มตาลีบันตามบริเวณชายแดนปากีสถานกับอัฟกานิสถานจนสหรัฐแสดงความหวั่นวิตกว่าปากีสถานกำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหากตาลีบันสามารถเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถานได้สำเร็จ ย่อมเป็นภัยร้ายแรงแก่ความสงบสุขของโลก
เรื่องนี้จะเป็นความกลัวเกินเหตุหรือแกล้งเขียนเสือให้วัวกลัวของสหรัฐ ก็แล้วแต่จะคิดกันเอาเองครับ