คอลัมนิสต์

เสื้อแดงกับสุภาพบุรุษจุฑาเทพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ขบวนการเสื้อแดงกับสุภาพบุรุษจุฑาเทพเกี่ยวข้องกันอย่างไร : กระดานความคิด โดยพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์


            การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อ 19 พฤษภาคม 2556 ซึ่งมียอดผู้มาชุมนุมสูงสุดประมาณ 20,000 คนนั้น มีสาระสำคัญและไม่สำคัญที่ควรเก็บมาพูดคุยกันหลายประเด็น เช่น กรณีที่ผู้ชุมนุมลดจำนวนลงจากที่โฆษณาไว้แสนคนเหลือแค่ 20,000 คนเป็นไปได้อย่างไร, การชุมนุมมีเวทีย่อยแทรกขึ้นมารอบบริเวณถึง 4 เวที (เวทีกลุ่มแรลลี่ทางสีแดง, เวทีแม่น้องเกตุ, เวทีแนวร่วมกลุ่ม 29 มกราฯ, เวทีกลุ่ม กวป.) ส่วนใหญ่เป็นเวทีที่ไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมทุกฝ่าย, การปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ 2-3 คนยังเน้นประเด็นเดิมว่า “การเผาบ้านเผาเมืองเป็นการจัดฉากเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดงโดยโยงเอาคำพิพากษาของศาลต่างๆ มายืนยัน”

            กรณีนี้เสื้อแดงหลายกลุ่มก็เห็นด้วยกับการสไกป์ของคุณทักษิณ แต่มีข้อโต้แย้งว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะไปขอนิรโทษกรรมให้ทหาร, ให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้อย่างไร” ต้องเอากันให้ถึงที่สุด เพราะทั้งคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพก็ออกมาปฏิเสธไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมและยังขอสู้คดีต่อไปอีกด้วย

            หลังจากนั้น ตัวแทนของศาลยุติธรรม และป.ป.ช. ได้ออกมาให้เหตุผลจากข้อโจมตีการสไกป์ของคุณทักษิณกันทุกองค์กร โดยเฉพาะคุณทวี ประจวบลาภ อธิบดีศาลอาญา กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า การที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ยกฟ้องคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ไปแล้ว และศาลแพ่งให้บริษัทเทเวศประกันภัย จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นการชี้ให้เห็นว่าการชุมนุมของ นปช.ไม่ใช่การก่อการร้าย ว่า “ในส่วนคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้างมานั้น คดีแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ซึ่งหากมีการสู้คดีกันต่อก็อาจใช้เวลาสู้กันเป็นเวลาหลายปี ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็อาจกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ อีกทั้งจำเลยที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ก็ยังเป็นคนละชุดกันกับคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญาและพยานหลักฐานในการเอาผิดคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญานั้นก็มีมากมายกว่า จึงเอามาเทียบเคียงและมีผลผูกพันกันไม่ได้ ส่วนคำพิพากษาศาลแพ่งนั้น ศาลแพ่งก็จะวินิจฉัยคดีที่เป็นทางแพ่งอย่างเดียวเท่านั้นอย่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไม่ส่งผลต่อคดีอาญาและตนคิดว่าทั้งสองคดีก็จะสู้กันต่อในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งเป็นเวลาอีกหลายปีแน่นอน” คำแถลงการณ์ของคุณทวีดังกล่าวนี้ก็ถือว่าชัดเจนและเป็นกลางที่สุดแล้ว

            เรื่องที่กล่าวนำมานี้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้ข้อยุติแน่นอน ว่าใครผิด ใครถูก นอกจากนั้นการพูดบนเวทีก็จำเป็นต้องพูดเกินไปบ้างเพื่อเอาใจมวลชนและปูพื้นฐานให้ “เสื้อแดงรุ่นใหม่” เข้าใจสถานการณ์ในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อ “แกนนำ” แต่สิ่งสำคัญที่จะขอพูดถึงคือ เรื่องการควบคุมและการดูแลมวลชนของแกนนำ ซึ่งทุกม็อบที่จัดขึ้นจะต้องมีการควบคุมดูแลมวลชนอย่างเป็นระบบ แต่กลุ่มเสื้อแดงไม่มีครับ เมื่อมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ก็จะต้องรู้จักการรักษาสิทธิพื้นฐานของผู้อื่น ไม่ก้าวล้ำสิทธิพื้นฐานเหล่านั้นอย่างจงใจ เช่น ขบวนรถที่เคลื่อนที่มาจากจังหวัดต่างๆ 10 คันบ้าง 15 คันบ้าง วิ่งเต็มถนนด้วยความเร็วสูง เบียดรถคันอื่นๆ มาตลอดทาง, เข้าห้องน้ำที่ไหนก็ยึดไว้เป็นของตัวเองหมด ไม่ยอมให้คนอื่นเข้า, เมื่อปิดสี่แยกราชประสงค์ไปแล้ว ก็ไม่ควรปิดหรือยึดทางเดินลอยฟ้าด้านบนอีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั่วๆ ไปที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยเดือดร้อน ผู้หญิงนุ่งขาสั้น (เป็นปกติของย่านนั้น) ก็จะถูกแซวแรงๆ มาตลอดทาง ฯลฯ นี่คือข้อบกพร่องของม็อบเสื้อแดง ม็อบที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ปีหน้าดูแลให้ดีหน่อยครับ เพราะภาพเหล่านี้มันจะทำให้การปรองดองห่างกันออกไปอีก ไม่ว่ารัฐบาลจะควบคุมสื่อของรัฐได้มากขนาดไหนก็ตาม

            ผลของม็อบเสื้อแดงในวันนั้น หลายๆ คนได้ออกมาโจมตีช่อง 3 ว่าอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มเสื้อแดงจนจบโดยไม่กลัวเสียเวลาเลย แต่ถ้าดูภาพรวมของช่อง 3 แล้ว ผมว่า ผู้บริหารของเขาใช้ได้นะครับ เขาให้อิสระคนทำงานพอสมควร แต่ถ้าคนทำงานคนนั้นชอบใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหตุผลของผมคือการเสนอละครของช่อง 3 นั้น แม้จะเป็นรายการบันเทิงที่หลายคนเรียกว่า “น้ำเน่า” แต่ก็เป็นรายการบันเทิงเดียวที่สามารถ “แทรก” เข้าไปสื่อสารกับกลุ่มคนเสื้อแดงได้ และเป็นรายการเดียวที่คนเสื้อแดงและคนเสื้อสีอื่นๆ สามารถรับชมร่วมกันได้อย่างสนิทใจ รายการละครของช่อง 3 ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นละครแบบ คนดีชนะคนชั่ว มาตลอด ละครได้สร้างจิตสำนึกให้คนดู โดยเฉพาะคนเสื้อแดงให้เริ่มรับรู้ทีละน้อยว่า “คนดี” เป็นอย่างไร “คนชั่ว” เป็นอย่างไร ด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้จำนวนคนเสื้อแดงจึงลดลงมาตามลำดับ และทำให้คนเสื้อแดงเริ่มรู้จักคิดเป็นขึ้นมาเองบ้างแล้ว

            ในช่วงคุณทักษิณสไกป์เข้ามา ร้านแถวประตูน้ำมีคนเสื้อแดงนับร้อยมานั่งชมคุณชายพุฒิภัทรกันเต็มข้างถนนไปหมด คุณชายพุฒิภัทร หนึ่งในสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เคยกล่าวไว้ว่า “การทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว มันเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่หรือครับ คุณย่าไม่ภูมิใจหรือที่หลานๆ ไม่นิ่งดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคม หรือคุณย่าอยากให้หลานๆ เป็นคนดีที่อยู่เฉยๆ ไม่สนใจอะไรเลย” พูดแบบนี้คนเสื้อแดงก็รับได้สบายๆ ครับ ถ้าเป็นเรื่องจริง ป่านนี้เราน่าจะได้คุณชายจาก “จุฑาเทพ” มาเป็นแกนนำไทยสปริงแล้วครับ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ