คอลัมนิสต์

ฮุน เซน,เขาพระวิหาร,ศาลโลกและการรณรงค์ชักธงชาติไทย

ฮุน เซน,เขาพระวิหาร,ศาลโลกและการรณรงค์ชักธงชาติไทย

13 พ.ค. 2556

ฮุน เซน, เขาพระวิหาร, ศาลโลก และการรณรงค์ชักธงชาติไทย : กระดานความคิด โดยพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์


              เกือบเป็นที่รู้กันว่า ทุกวันนี้ประชาชนกัมพูชารวมถึงสมาชิกรัฐสภากัมพูชาจำนวนมากมักจะไปพูดคุยนอกประเทศอยู่เสมอว่า ปัจจุบัน ฮุน เซน มีอำนาจเผด็จการเต็มรูปแบบ ส่วนภรรยาฮุน เซน และพี่น้องยังกุมเศรษฐกิจของกัมพูชาไว้เกือบครึ่งประเทศ ดังนั้นใครจะขัดขวางอะไรที่ ฮุน เซน คิดจะทำก็ไม่กล้า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ก็ได้แต่มีความหวังว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคโลกาภิวัตน์ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่จะตื่นตัว จนลุกขึ้นมาปลดแอกของฮุน เซน เสียที (ความหวังนี้ดูเหมือนประเทศไทยเสียจริง)

              ทำไมฮุน เซน จึงอยู่ในอำนาจได้ ทั้งๆ ที่ประชาชนกัมพูชาเกลียดชังเกือบค่อนประเทศ คำตอบก็มีอยู่เพียง 2 สาเหตุ คือ 1.ฮุน เซน อ้างเรื่องความใกล้ชิดกับเวียดนามมาข่มขู่คนในประเทศ และ 2.ฮุน เซน เอาประเทศไทยมาเป็นตัวโฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดมว่าไทยจะรุกรานกัมพูชาเป็นระยะๆ รวมทั้งการสอนประวัติศาสตร์ผลักดันให้ประชาชนเกิดความรักชาติ เกลียดกลัวประเทศไทยจนลืมความทุกข์ยาก

              นอกจากนั้น ฮุน เซน ยังเชื่อว่า พรรคการเมืองของคุณทักษิณ คงจะไม่ขัดขวางการที่กัมพูชาจะเข้ามาครอบครองดินแดนไทยบางส่วน โดยหารู้ถึงนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนไทย ที่ไม่เคยยอมยกดินแดนให้ประเทศไหนแบบไร้เหตุผลทั้งนั้น ถ้ามีขึ้นมันก็จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ส่วนรัฐบาลจะมาบังคับกะเกณฑ์อะไรที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลไม่ได้แน่นอน แม้แต่รัฐบาลของคุณทักษิณเองก็คงทำตามที่ฮุน เซน คิดไม่ได้ เพราะคุณทักษิณก็ยังเป็นคนไทยอยู่ ซึ่งตรงกันข้ามกับกัมพูชาที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบมานานแล้ว ฮุน เซน จึงสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ก็ระวังให้ดี ซึ่งไม่น่าจะเกิน 2-3 ปีต่อไปนี้ ฮุน เซน จะต้องน้ำตาตกเพราะขบวนการประชาชนแน่นอน

              ปัจจุบันฮุน เซน สมปรารถนาเกือบทุกอย่าง สามารถสถาปนาราชวงศ์ฮุน เซน ขึ้นมาเหนือกษัตริย์ได้, ครอบงำคนไทยบางกลุ่มให้เคารพรักตนเองจนร้องไห้ได้ ฯลฯ ความหวังสุดท้ายคือ การครอบครอง “เขาพระวิหาร” เพื่อใช้ในการหาเสียง ซึ่งใกล้ความสำเร็จเข้ามาทุกที เพราะฮุน เซน เชื่อว่า คนไทยยุคนี้ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของ “ประชานิยม” จนหมดปากหมดเสียงแล้ว แม้แต่การเสียอธิปไตยเพื่อแลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็ยอม

              ดังนั้น แม้ว่าการต่อสู้คดีเขาพระวิหารของประเทศไทยจะผ่านพ้นไปแล้ว โดยตัวแทนของประเทศไทยทุกคนได้ต่อสู้และให้ข้อมูลต่อศาลโลกได้อย่างชัดเจน มีเหตุมีผล จนมีแนวโน้มว่า ประเทศไทยอาจจะได้ชัยชนะในการต่อสู้คดีครั้งนี้ หรืออย่างเลวที่สุดก็แค่เสมอตัว แต่การตัดสินของศาลโลกไม่ได้นำ “ข้อเท็จจริง” มาใช้ในการตัดสินทั้งหมด ยังนำสภาพแวดล้อม, อิทธิพลของมหาอำนาจ และ “เงิน” มาใช้ร่วมในการพิจารณาคดีประกอบอีกด้วย นอกจากนั้นจุดอ่อนของประเทศไทยยังมีอยู่อีก ในกรณีที่กัมพูชาอ้างถึงเรื่องการตั้งวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ได้ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยที่ประเทศไทยไม่ทักท้วง, มีผู้พิพากษาอย่างน้อย 2 ท่าน แสดงท่าทีไม่ชอบ “ประเทศไทย” และยังมีประเด็นปลีกย่อยอีกหลายเรื่อง

              การต่อสู้คดีในปัจจุบันนี้ของประเทศไทยจะแตกต่างไปกว่าการต่อสู้ครั้งที่แล้ว เพราะเป็นการต่อสู้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่มีประชาชนทั่วโลกจับตามองดูการทำงานของศาลโลกอย่างมากมาย ถ้าคนไทยแสดงปฏิกิริยาว่ายังเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ออกมาให้สังคมโลกเห็นเป็นระยะๆ ตลอดเวลา 6 เดือนอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ศาลโลกจะมีคำวินิจฉัย ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ของศาลโลกก็จำเป็นต้องวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ชัยชนะก็จะตกเป็นของประเทศไทยในที่สุด

              มาตรการในการต่อสู้กดดันต่อศาลโลกของคนไทยในแนวทางสันติ คือ การออกมารณรงค์ในเรื่องการชักธงชาติไทยไว้หน้าบ้านทุกบ้าน, การผูกริบบิ้นสีธงชาติไว้ที่รถยนต์, กระเป๋าหนังสือ, แขนเสื้อ ติดสติกเกอร์ไว้ที่รถ, ที่ทำงาน หรือติดไว้ตามสถานที่ต่างๆ ส่วนในเฟซบุ๊กก็ช่วยกันโพสต์รูปภาพกิจกรรมเหล่านี้ออกมาให้ประชาชนทราบ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ประเทศอื่นๆ รวมทั้ง “ศาลโลก” ทราบด้วย ปัจจุบันจึงมีคนกลุ่มเล็กๆ ออกมาจัดตั้งเพจ “ล้านธงไทยเพื่ออธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร” ขึ้นมาเป็นตัวประสานงาน ซึ่งในเพจจะมีข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กัน

              “รักประเทศไทยต้องลุกขึ้นมาครับ แค่ติดธงชาติไทยก็พอแล้ว”

              *หมายเหตุ เพจนี้มีผู้สนับสนุนเริ่มแรกประมาณ 100 คน อาทิ สมชาย แสวงการ, ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์, นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม, พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์, ประสาน มฤคพิทักษ์, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, ตุลย์ ศิริกุลพิทักษ์, พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม, นิลยา มาลากุล, รศ.ศักดิ์ศรี บริบาลบรรพตเขตต์, ถวิล เปลี่ยนศรี, ปรีดา เตียสุวรรณ์, สำราญ รอดเพชร, ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา, คันธนิธิ์ สุคนธทรัพย์ ฯลฯ