
'นายพลบีทู'และพี่น้องกะเรนนี
'นายพลบีทู'และพี่น้องกะเรนนี : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา
นั่งดูข่าวสามมิติเมื่อคืนวันจันทร์ ได้เห็น "นายพลบีทู" ให้สัมภาษณ์สื่อไทยเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่สุริน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
ดั่งที่ทราบกันว่าศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนั้น มีชาวกะเรนนีจากรัฐกะยา มาอาศัยหลบภัยการสู้รบอยู่นานนับสิบปีแล้ว
สำหรับ "นายพลบีทู" เป็นผู้นำกองกำลัง "พรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเรนนี" (Karenni National Progress Party-KNPP) ซึ่งเคลื่อนไหวต่อสู้กู้ชาติอยู่ในรัฐกะยา แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก KNPP มากนัก ส่วนใหญ่จะคุ้นหูคุ้นตากับ "กองทัพรัฐฉาน" (Shan State Army-SSA) และ "สหภาพชาติพันธุ์กะเหรี่ยง" (Karen National Union-KNU)
รัฐกะยา เป็นรัฐที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศพม่า ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร และประชาชนในรัฐประกอบด้วยกะเรนนี (กะยา-กะเหรี่ยงแดง), กะเหรี่ยงสะกอ (ปกากะญอ-กะเหรี่ยงขาว), ปะด่อง (กะเหรี่ยงคอยาว) และชาวเขาเผ่าต่างๆ
รัฐกะยาอยู่ติดกับแม่ฮ่องสอน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงและป่าไม้ ที่ราบมีน้อย แผ่นดินอุดมด้วยแร่ธาตุนานาชนิด ทั้งทองคำ ทองคำขาว เหล็ก ตะกั่ว พลอย ดีบุก วุลแฟรม และก๊าซธรรมชาติ
ในอดีตรัฐกะยาเป็นรัฐอิสระ ไม่เคยอยู่ใต้รัฐบาลพม่า หลังจากพม่าได้เอกราชจากอังกฤษในปี 2491 รัฐกะยาถูกรวมเข้าในสหภาพพม่า เหมือนรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ
กองทัพกู้ชาติกะเรนนี จึงถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2491 ในนาม "กองทัพแห่งชาติกะเรนนี" (Karenni National Army-KNA) ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็น Karenni National Progress Party-KNPP ทำการต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่าที่ยึดครองแผ่นดินของพวกเขา
สี่ปีแล้ว นายพลบีทูเล่าให้ "นวลแก้ว บูรพวัฒน์" นักเขียนสารคดีอิสระ ถึงสภาพบ้านเกิดเมืองนอนว่า พม่าได้เข้ายึดครองรัฐกะยา ไม่เคยตัดถนนใหม่ในรัฐกะยา มีแต่สูบเอารายได้ ทรัพยากรมีค่าออกไปจากแผ่นดินกะยา โดยไม่เคยพัฒนาสาธารณูปโภคใดๆ เศรษฐกิจทั้งหมดลูกหลานเครือข่ายผู้นำทหารพม่าควบคุมไว้หมดสิ้น
แม้แต่เมืองดอยก่อ เมืองหลวงของรัฐ ยังเหมือนแค่หมู่บ้าน การพัฒนาแทบไม่มี เสาไฟฟ้ามีน้อยและยังเป็นไม้อยู่ โรงพยาบาลในเมืองดอยก่อก็ขาดแคลนมาก ถ้าคนเจ็บไข้ที่พอมีเงินก็จะข้ามมารักษาตัวฝั่งไทย
พม่าเคยเจรจาหยุดยิงกับกองทัพกะเรนนี เพื่อยุติการสู้รบแล้วพัฒนาพื้นที่ ใช้เวลา 8 ปีจึงสำเร็จในปี 2538 พอตกลงกันเรียบร้อยหลังจากนั้นแค่ 3 เดือน พม่าส่งกำลังสิบกองพันบุกโจมตี KNPP ส่งผลให้ชาวกะเรนนีหลายพันคน ต้องอพยพหลบภัยการสู้รบมาอยู่ในศูนย์พักพิง ในพื้นที่แม่ฮ่องสอน กระทั่งวันนี้ ชาวกะเรนนีก็ยังไม่ได้คืนสู่แผ่นดินเกิด
ปัจจุบัน ประธานสูงสุดของ KNPP คือ แตบูแพ อายุ 70 ปี ซึ่งค่อนข้างเก็บตัว ส่วนนายพลบีทู ทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังรบ รวมทั้งดูแลด้านเศรษฐกิจ
นายพลบีทู เป็นคนกะเหรี่ยงขาว ปกากะญอ นับถือศาสนาคริสต์ เกิดในครอบครัวชาวไร่ชาวนา ที่หมู่บ้านโชโหลก ทางตะวันตกของเมืองมอชี รัฐกะยา ได้เรียนหนังสือจบชั้นมัธยมปลาย มีความรู้ทั้งภาษากะเหรี่ยง ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษ ภาษาไทใหญ่ และพูดภาษาไทยได้บ้าง
ช่วง พ.ศ.นี้ นายพลบีทูยอมรับว่า มีการเจรจาหยุดยิงระหว่างทหารพม่ากับ KNPP แต่ตัวเขาเองเริ่มไม่มั่นใจในกระแสสันติภาพ เพราะสถานการณ์การสู้รับที่รัฐคะฉิ่น และรัฐฉานตอนใต้ ส่งสัญญาณว่า การสู้รบจะปะทุขึ้นอีกครั้งที่รัฐกะยา
นายพลบีทูบอกนักข่าวสามมิติว่า เพลิงไหม้ศูนย์พักพิงมาจากไฟป่า ไม่ใช่เกิดจากการสู้รบกับทหารพม่าตามข่าวลือ และที่น่ากังวลคือ การเจรจาหยุดยิงรอบใหม่ รัฐบาลพม่ายังขาดความจริงใจ โดยปล่อยให้ทหารในพื้นที่ก่อเหตุปะทะอยู่เนืองๆ
เปลวเพลิงโหมไหม้ศูนย์พักพิงชาวกะเรนนีว่าร้ายแรง ไฟสงครามยืดเยื้อ อาจทำให้ความหวังที่จะได้กลับสู่มาตุภูมิของชาวกะเรนนียิ่งรางเลือน
...........
(หมายเหตุ : 'นายพลบีทู'และพี่น้องกะเรนนี : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา)