
ตำรวจนักรบพระเจ้าตาก
ตำรวจนักรบพระเจ้าตาก : โลกตำรวจ โดยผศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข [email protected]
“ชุดเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล” นายตำรวจใหญ่กล่าวยิ้มๆ ถึงหน้าที่ปราบปรามผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนตรงตามภารกิจสำคัญของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหัวใจเป็นตำรวจมืออาชีพ
นายตำรวจมือปราบได้รับมอบหมายภารกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพลในวันรายงานตัวเข้ารับตำแหน่งใหม่ “นายเขาบอกว่าเหมาะกับเราที่สุด” นายตำรวจกล่าวย้ำเสียงเนิบช้าส่งท้ายด้วยคำพูดขำขัน “แต่ไม่ให้รับผิดชอบอบายมุขนะ เหมาะแค่ปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างเดียว” คนในวงการย่อมรู้ดีว่า ในโลกของตำรวจนั้น การรับผิดชอบดูแลอบายมุข และสถานบันเทิงหมายถึงอะไร?
บุคลิกภาพพูดน้อย เป็นนักคิด ช่างสังเกต รวมถึงการทำตัวติดดิน กินง่ายไร้พิธีรีตอง คือคุณสมบัติพื้นฐานของนายตำรวจนักสืบมือปราบท่านนี้ ลูกน้องใกล้ชิดล้วนมีบุคลิกลักษณะนิสัยที่ไม่แตกต่างจากนาย และด้วยการทำงานในรูปแบบคลุกคลีปรึกษาหารือร่วมกันเป็นทีมแบบกัดไม่ปล่อยจนกว่าจะปิดคดี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายและลูกน้องแน่นแฟ้น ชนิดหาได้ไม่ง่ายนักในโลกของตำรวจ
“ผมพูดได้เต็มปากว่า สำหรับพี่เขาแล้ว ใช้ให้ผมทำงาน ถึงแม้ว่า ผมรู้ว่าผมจะไปตายผมก็ไป” สารวัตรหนุ่มพูดถึงความดีและความรู้สึกที่มีต่อ “นาย” เมื่อคราวที่นายถูกย้ายอย่างไม่สามารถหาเหตุผลที่เป็นธรรมมาอธิบายได้ นอกจากรอวันที่โลกของตำรวจเป็นอิสระต่อการแทรกแซงของอำนาจที่มองไม่เห็นและไม่เป็นธรรมและใช้ความเข้มแข็งและอดทนในการก้าวข้ามอุปสรรคนั้น “เราเสียใจแค่วันเดียวพอ” นายตำรวจใหญ่บอกแก่ดิฉันในวันนั้น วันที่ได้รับคำสั่งย้ายไปทำหน้าที่ที่ไม่เหมาะกับคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถแม้เพียงนิดเดียว
ไม่ใช่เฉพาะนายเท่านั้นที่เจ็บปวด หากแต่ลูกน้องและบุคคลใกล้ชิดที่ล่วงรู้พฤติกรรมการทำงานของนายตำรวจมือปราบท่านนี้ต่างได้เรียนรู้ความไม่เป็นธรรมในการทำงานในโลกของตำรวจเป็นอย่างดี โลกที่ผลงานและความก้าวหน้าไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน อุดมคติของตำรวจที่ว่า “อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก” จึงเป็นยาขนานวิเศษที่ช่วยเตือนใจให้อดทน อดทน และทนทานโดยไม่ท้อถอย
สุภาพบุรุษสีกากีหวนกลับมาทำหน้าที่ตรงตามความรู้ ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่อีกครั้งกับงานท้าทายที่นายมอบหมายให้ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น “ทำเต็มที่ นี่มันจังหวัดบ้านมึง กูเอาจริง” นายตำรวจเล่าถึงคำกำชับของนาย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.วินัย ทองสอง
หน้าที่ของตำรวจในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลมิใช่เรื่องง่าย เพราะกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ได้แผ่ขยายอำนาจไปทั่วทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการยุติธรรมและฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับตำรวจ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับระบบให้คุณให้โทษแก่ตำรวจด้วย ดังนั้นการวางแผนอย่างชาญฉลาด รอบคอบก็ยังอาจพลาด และ “ถูกเอาคืน” หากไม่มีทีมผู้สนับสนุนหลักที่ดี
ภารกิจขุดรากถอนโคนผู้มีอิทธิพลของขุนพลนักรบพระเจ้าตาก สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นต้นแบบที่ดีของการบริหารจัดการแบบทีมที่เริ่มต้นจากความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง และกล้าหาญของผู้บัญชาการ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ในบทผู้นำที่เริ่มต้นด้วยการจัดคนให้เหมาะกับงาน (PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB) แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ การร่วมคิดวางแผน กำกับติดตามตลอดกระบวนการ เมื่อใจแลกใจระหว่างนายและลูกน้อง ทำให้พลังของทีมเข้มแข็งและเป็นหัวใจที่สำคัญของความสำเร็จ
อย่าคิดว่า ความสัมพันธ์ในโลกของตำรวจจะมีเพียงเรื่องตำแหน่ง อำนาจ วาสนาและผลประโยชน์แต่เพียงเท่านั้น คำพูดของดาบตำรวจนายหนึ่งอาจเป็นตัวอย่างของการสร้างขวัญและกำลังใจแบบง่ายๆ ที่บรรดานายๆ ควรตระหนัก “ขอนายเป็นเพียงเส้นเชือกเล็กๆ ไว้ให้พิงหลังยามถูกอีกฝ่ายไล่ชกก็พอใจแล้ว” (แต่ถ้าฝ่ายที่ไล่ชกมีอำนาจมากเชือกอาจต้องใหญ่หน่อย)
บทเรียนที่น่าสังเกตคือ ไม่ปรากฏภาพของนายตำรวจมือปราบและทีมผู้ปฏิบัติงานอย่างมากมายตามสื่อต่างๆ “อย่างที่มักนิยมโชว์กัน” รวมถึงการมิได้ให้ข่าวที่อาจมีผลกระทบต่อผลสำเร็จของการปฏิบัติงานเข้าตำราคลาสสิกในโลกของตำรวจ “คนโชว์ไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้โชว์”
ทองเนื้อแท้ เช่นนี้ หากนายไม่เหลียวกลับมามองและให้กำลังใจ ก็น่าเสียดายแทนประชาชน ที่อาจจะหมดโอกาสได้ตำรวจมืออาชีพไว้บำบัดทุกข์บำรุงสุข ทำงานเสี่ยงๆ เสียสละเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างแท้จริง
คนไทยคงไม่หลงใหลได้ปลื้มตำรวจกับหน้าตาดีตามป้ายข้างทาง หากเขาทำงานได้เพียงแค่การประชาสัมพันธ์เท่านั้น?!