
เตือนภัยสึนามิต้องพร้อมเสมอ
เตือนภัยสึนามิต้องพร้อมเสมอ : บทบรรณาธิการประจำวันที่ 27 ธ.ค.2555
เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 แม้จะผ่านมาแล้ว 8 ปี แต่ยังทิ้งความทรงจำและความเศร้าโศก เพราะครั้งนั้นหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องสูญเสียชีวิตผู้คนและทรัพย์สินจำนวนมาก โดยแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรอินเดียบริเวณด้านตะวันตกของหัวเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย แรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นที่บริเวณเกาะสุมาตราได้รับความเสียหาย และกระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิสูงราว 30 เมตร เข้าท่วมทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งโดยรอบมหาสมุทรอินเดียประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ใน 14 ประเทศมากกว่า 2.3 แสนคน นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย รองลงมาศรีลังกา อินเดีย และประเทศไทย ตามลำดับ
หลังจากนั้นประเทศไทยได้ติดตั้งระบบเตือนภัย เพื่อให้รับทราบถึงการเกิดคลื่นสึนามิ และมีเวลาเพียงพอที่จะอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ใช้งบประมาณกว่า 70 ล้านบาท ติดตั้งทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิ 3 ทุ่น สำหรับ 2 ทุ่นแรก อยู่ที่บริเวณห่างจากเกาะสุรินทร์ จ.พังงา ไปทางฝั่งประเทศพม่า 250 กิโลเมตร และห่างจาก จ.ภูเก็ต ใกล้เขตประเทศมาเลเซีย 230 กิโลเมตร ส่วนอีก 1 ทุ่น วางไว้บนแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวกลางมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากชายฝั่ง จ.ภูเก็ต 1,000 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 3 กิโลเมตร พร้อมทั้งตั้งหอเตือนภัย 136 แห่ง ในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและยังมีหอเตือนภัยอีก 144 แห่งในฝั่งอ่าวไทย นอกจากจะใช้เตือนภัยสึนามิแล้ว ยังใช้ในการเตือนภัยคลื่นสูงยกตัวขึ้นฝั่งและพายุด้วย
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ระบบทุ่นตรวจวัดจะส่งข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และประเมินร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศว่า ทิศทางและความรุนแรงจะเข้าฝั่งที่ใดบริเวณไหนใช้เวลานานเท่าไหร่ที่คลื่นสึนามิจะเข้าฝั่ง โดยการประมวลผลใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังหอเตือนภัยที่จัดตั้งไว้ได้ทันสถานการณ์ ในกรณีที่ต้องอพยพคนในพื้นที่ โดยการแจ้งเตือนยังได้ส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งส่งแฟกซ์ อีเมล ฮอตไลน์สายด่วน โปรแกรมบนสมาร์ทโฟน สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โดยเฉพาะการส่งสัญญาณเตือนภัยผ่านสถานีโทรทัศน์ได้ทันควัน โดยไม่ต้องรอขออนุญาต ดังนั้นทุกส่วนต้องทำงานประสานกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ระบบที่ถูกวางไว้มีเป้าหมายหลักที่ช่วยไม่ให้สูญเสียชีวิต แม้ว่าการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขนาดใหญ่ที่มีอำนาจทำลายล้างมหาศาลจะเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าหอเตือนภัยสึนามิ 13 จุด ในเขตพื้นที่ จ.ระนอง มีหลายจุดอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ขาดการดูแลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบถึงขนาดมีคนเข้าไปงัดแงะเอาทรัพย์สินภายในไป ยังไม่นับรวมจุดหลบภัยและป้ายบอกเส้นทางที่ขาดการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพใช้การได้ ซึ่งความหย่อนยานอาจเกิดจากเวลาได้ห่างเนิ่นนานจากภัยพิบัติครั้งนั้น แต่ทุกฝ่ายไม่ว่ารัฐ เอกชนหรือกระทั่งประชาชนในพื้นที่ต้องตระหนักว่า เมื่อมีระบบแล้วต้องหมั่นตรวจสอบให้อยู่ในสภาพการใช้งานได้ พร้อมซักซ้อมเตือนภัยเพื่อเรียกความเชื่อมั่นได้ด้วย อย่าละเลยจนทำให้เครื่องมือเตือนภัยเป็นง่อย ซึ่งเป็นความประมาทไปสู่โศกนาฏกรรมซ้ำสองได้