คอลัมนิสต์

'ทัวร์ประธานสภา'สุดท้าย'ขรก.'ตายเดี่ยว

'ทัวร์ประธานสภา'สุดท้าย'ขรก.'ตายเดี่ยว

28 ก.ย. 2555

'ทัวร์ประธานสภา' สุดท้าย'ข้าราชการ'ตายเดี่ยว : ขยายปมร้อนโดยขนิษฐา เทพจร

             อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่คนระดับประมุขฝ่ายนิติบัญญัติอย่าง "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" จะพาคนใกล้ชิด ตะลอนทัวร์ต่างประเทศ โดยเหตุผลที่ว่า "ไปศึกษาดูงาน" เนื่องจากที่ผ่านมา “ส.ส” ในคราบของกรรมาธิการสามัญประจำสภา ก็ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง
 
             ท่านผู้ทรงเกียรติหลายคนมองว่า การที่มีผู้ยื่นร้องกรรมาธิการกิจการสภา ตรวจสอบเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะจะพาลพากันเจ็บตัวเสียทั้งหมด
 
             แต่ในมุมของประชาชนแล้ว เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หากแต่จะเป็นการตรวจสอบควบคุมการใช้งบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมกับภาษีของประชาชนที่ต้องเสียไป และอีกมุมถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ที่คนกันเอง "กล้า" ที่จะตรวจสอบคนพันธุ์เดียวกัน !
 
             ภาพที่ “ประธานรัฐสภา” ควง ลูกสาว "พลอยไพลิน เกียรติสุรนนท์" ใส่หมวกแดงนั่งชมบอลบิ๊กแมทช์ คู่แดงเดือด และมีข่าวว่ามีการใช้เงินหลวง หลักล้านบาท ในการทำภารกิจส่วนตัว สร้างความรู้สึกต่อประชาชนอย่างมาก กรรมาธิการกิจการสภา ซึ่งมีบทบาทในการพิจารณา สอบสวน การดำเนินกิจการของสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องรับตรวจสอบอย่างเสียไม่ได้
 
             เมื่อถึงเช้าวันที่ 27 กันยายน ซึ่งเป็นวันพิจารณา ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบวาระประชุม "ส.ส.ไพจิต ศรีวรขาน" แห่งนครพนม จากพรรคเพื่อไทย ฐานะประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ขอเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน พร้อมยกเหตุผลประกอบว่า ขณะนี้ประธานสภามีภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ
 
             ไม่เพียงเท่านั้น ได้ยกเรื่องนี้ มาให้ที่ประชุม ลงมติว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ทั้งที่ในการประชุมได้รับเรื่องไว้พิจารณาตั้งแต่หนแรก ที่ “บุญยอด สุขถิ่นไทย” เสนอเป็นญัตติด้วยปากเปล่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
             แต่ท้ายสุด...ไม่มีใครเห็นคัดค้าน การตรวจสอบเรื่องนี้ จึงถูกบรรจุในการประชุมกรรมาธิการนัดหน้า  แต่การขอเปลี่ยนแปลง “คนมาชี้แจง” จากเดิมที่ระบุอย่างชัดเจนไว้ในวาระประชุมเริ่มแรก คือ “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” หรือ ผู้แทน ให้เป็น “สมพล วณิคพันธุ์ รองเลขาธิการสภา และผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมคณะเดินทาง
 
             ประธานกรรมาธิการ ยังได้ยกเหตุมาชี้แจง ถึงการไม่เจาะข้อมูลที่ตัวประธานสภาโดยตรง ว่าตามประเพณีการเชิญประธานสภามาชี้แจง เท่าที่ดูรายงานการประชุมกรรมาธิการ เขาจะไม่เชิญประธานโดยตรง แต่จะเชิญผู้ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงก่อน และท้ายสุดหากยังมีประเด็นที่ต้องให้ ประธานสภามาชี้แจงก็ต้องให้เป็นมติของกรรมาธิการอีกครั้ง
 
             ดังนั้น ความแน่นอนตามที่คาดหวังว่า จะได้รับฟังคำชี้แจงจากปาก “ประธานรัฐสภา” จึงกลายเป็นความไม่แน่นอน !!
 
             ก่อนที่วาระตรวจสอบปมทัวร์สีเทา จะมีกลิ่นของการฮั้ว การช่วยเหลือกันของคนกันเองลอยกรุ่น... “โฆษกส่วนตัวประธานสภา อย่าง วัฒนา เซ่งไพเราะ” ให้รายละเอียดแก่ทีมข่าวเครือเนชั่น ตอนหัวค่ำ วันที่ 26 กันยายน ว่า ได้คุยกับ “ไพจิต” ถึงความไม่เหมาะสมที่จะเชิญ “สมศักดิ์ ในฐานะประมุขสภานิติบัญญัติ” ไปตรวจสอบในกรรมาธิการ เนื่องจากภารกิจที่ไปดูงานต่างประเทศ เป็นสิทธิและวิสัยที่จะทำได้ และการเรียกไปชี้แจงแบบนี้ อาจกระทบภาพลักษณ์ของประมุขนิติบัญญัติได้ เนื่องจากไม่มีใครเขาทำกัน พร้อมกันนั้นได้ตั้งคำถามฝากไปยัง กรรมาธิการว่า “ได้มีการลงมติแล้วหรือยัง? ที่จะเอาวาระนี้พิจารณา”
 
             ดังนั้นจึงเห็นได้ไม่ยากว่านี่เป็นจุดเริ่มของกระบวนการยื้อตรวจสอบ
 
             ทว่า "ไพจิต” ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการหารือกันล่วงหน้า และเหตุที่เลื่อนการพิจารณา-เปลี่ยนตัวคน ก็ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือพรรคพวกเดียวกัน เพราะหากทำอย่างนั้น ตัวเองก็จะกลายเป็นบุคคลที่ติดลบ ด้วยสภาพบังคับฐานะประธานกรรมาธิการกิจการสภา ต้องทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
 
             ในประเด็นต่อเนื่อง ถึงเรื่องโปรแกรมศึกษาดูงาน และการใช้งบประมาณ 7 ล้านบาทนั้น “ไพจิต” บอกด้วยสีหน้าเรียบๆ ว่า เหมาะสมแล้ว แถมพูดคำที่เสียดแทงหัวใจคนจ่ายภาษีว่า "ดูเหมือนว่าเงินจะน้อยไปด้วยซ้ำ" พร้อมทั้งอรรถาธิบายว่า ประธานรัฐสภา เป็นบุคคลสำคัญที่ต้องไปดำเนินการกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาไปน้อยมาก บางครั้งก็ให้กรรมาธิการเป็นคนไปแทน ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างนายกฯ เป็นบุคคลสำคัญของฝ่ายบริหาร ยังไปถึงอเมริกาได้เลย แต่ประธานรัฐสภา เรายังไปไม่ถึง
 
             ได้ฟังเพียงเท่านี้... ก็พอเข้าใจในประเด็นว่า ขั้นตอน - มาตรฐานการตรวจสอบ - บทสรุปจะไปสู่จุดไหน
 
             เมื่อคนพันธุ์เดียวกัน..เลือกที่จะปกป้องกันเอง... คนที่จะต้องกลายเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้... คงหนีไม่พ้น “ข้าราชการประจำ” ที่เป็นผู้ดำเนินเรื่อง เพราะการกระทำทุกอย่าง ล้วนผูกมัด จากหนังสือราชการ และลายเซ็น
 
             เรื่องนี้ที่ถูกเขียนบทมาไว้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ผู้กำกับการแสดงตัวจริงก็ลอยตัวต่อไป

-----------------

(หมายเหตุ : 'ทัวร์ประธานสภา' สุดท้าย'ข้าราชการ'ตายเดี่ยว : ขยายปมร้อนโดยขนิษฐา เทพจร)