หน้า 1 รายงาน...ปลดล็อกเงื่อนไขเก่า-ปลุกเร้าชนวนใหม่ !
พลันสิ้นเสียงอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคการเมือง 3 พรรค และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคยกเข่ง มีผลทำให้คณะรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ทั้งคณะต้องสิ้นสภาพ
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวม 12 คน ต้องพ้นจากตำแหน่งในทันที
6 คน จากพรรคพลังประชาชน ...
~สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม
~สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ
~ไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์
~สุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.สำนักนายกฯ
~ศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ
~ธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์
4 คน จากพรรคชาติไทย...
~สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์
~วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
~วราวุธ ศิลปอาชา รมช.คมนาคม
~สมพัฒน์ แก้วพิจิตร รมช.เกษตรและสหกรณ์
และ 2 คน จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย...
~อนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
~บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์
เป็นผลคำวินิจฉัยที่ออกมาในช่วง "เส้นยาแดงผ่าแปด" !!!
ดับชนวนก่อวิกฤติไปได้หลายดอก
อย่างน้อยๆ ความตึงเครียดจากสังคมก็ทุเลาลง ก่อนที่วันสำคัญของชาติบ้านเมือง 5 ธันวา จะมาเยือน
ขณะเดียวกันก็ต้องบอกว่าผลคำวินิจฉัยที่ออกมา ไม่ได้สร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 พรรคเท่าไรนัก เหตุเพราะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า และเตรียมแผนรับมือไว้ระดับหนึ่งแล้ว
อย่างน้อยทั้ง 3 พรรคก็เตรียม "พรรคอะไหล่" ไว้พร้อม
พลังประชาชน เตรียมพรรค "เพื่อไทย" เป็นฐานโยกย้ายกำลัง
ชาติไทย ปัดฝุ่นพรรค "ชาติไทยพัฒนา"
มัชฌิมาธิปไตย ก็เตรียมไหลไปพรรค "ภูมิใจไทย"
สิ่งที่ "เหนือความคาดหมาย" มีอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือความหวังจากการพยายามวิ่งเต้นคดีในฝ่ายพรรคพลังประชาชน เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเชือด "ตัวการ" คือ ยงยุทธ ติยะไพรัช เพียงคนเดียว ต้องเหลวเป๋วอย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นสถานการณ์นับจากนี้ เกมการต่อสู้ทางการเมืองจะดุเดือด เข้มข้น และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังคงครอบครองบอลได้อยู่ เกมการเมืองยังไม่เห็นโอกาสเปลี่ยนขั้วง่ายๆ
หนึ่ง ...เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยังคงนั่งรักษาการอยู่อีก 30 วัน
ยังไงก็ยังคงสถานะความเป็นรัฐบาลไว้ได้อยู่
หนึ่ง...เพราะ "สัญญาลูกผู้ชาย" พ่วงท้ายด้วย "กระเป๋าเจมส์บอนด์ใบโต" ที่มัดจำกันไปแล้วก่อนหน้า
บวกกับความคับแค้นใจต่อผลการวินิจฉัย ถึงขนาดสั่งลูกพรรคแต่งดำไว้ทุกข์ เป็นเหตุให้ต้องกอดคอกันจนถึงที่สุด
เพราะฉะนั้น นับจากนี้ไปอีก 30 วัน จึงเป็นช่วงเวลาของการควานหา "นายกฯ นอมินี" รุ่นต่อไป เพื่อฟอร์ม "รัฐบาลนอมินี" ชุดใหม่
ตัวเต็งในฝ่ายพลังประชาชน ซึ่งถูกชี้นิ้วโดย "นายใหญ่-นายหญิง" ชั่วโมงนี้ ดูท่าคนชื่อ "เฉลิม อยู่บำรุง" จะมีภาษีดีที่สุด
เพราะตัวเลือกอื่น ไม่ว่าจะเป็น มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์-ชัย ชิดชอบ-สันติ พร้อมพัฒน์ นั้น นอกจากจะได้รับเสียงต่อต้านในพรรคแล้ว ยังมีคุณสมบัติไม่ตรงสเปก "นาย" อีกต่างหาก
ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ต้องการได้คนที่ "กล้าได้-กล้าเสีย" กล้าปฏิบัติการตามใบสั่งอย่างไม่มีข้อแม้ และไม่จำเป็นต้องละมุนละม่อม
ไม่จำเป็นต้องนึกถึงเกียรติภูมิของประเทศ เพราะแม้แต่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นนายกฯ ได้ หรือ ชัย ชิดชอบ ยังเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรได้
นับประสาอะไรกับคนชื่อ "เฉลิม" ซึ่งพ่วงดีกรีดอกเตอร์หมาดๆ จะเป็นนายกฯ ไม่ได้
...ถ้ามันเป็นไฟท์บังคับจริงๆ !!!
เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าจับตานับจากนี้ก็คือ กระบวนการปูพรมแดงเพื่อให้ ทักษิณ ชินวัตร กลับมาผงาดบนเวทีการเมืองอีกครั้ง
ตามที่เจ้าตัวได้ประกาศผ่านนิตยสารธุรกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ "อะราเบียน บิสสิเนส" ว่าจะกลับมาเป็น "นายกรัฐมนตรีของไทย"
"มีผมถือหางเสือ ผมสามารถนำความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว และนี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องหากลไกสักอย่างที่จะช่วยให้ผมกลับคืนสู่การเมืองได้"
กลไกที่ "ทักษิณ" เตรียมไว้ก็คือ การหา "นอมินี" ขึ้นมาครองอำนาจไว้จนกว่าจะแก้ไขเงื่อนไขทางกฎหมาย เปิดทางให้ตัวเองกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย
ขณะเดียวกัน ก็ส่งหน่วยรบเดนตาย "เสื้อแดง" สร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง พร้อมเริ่มปฏิบัติการเข้มข้นหลังวันที่ 5 ธันวาคม
โดยเฉพาะเป็นการป่วนเพื่อประท้วงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งการก่อกวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนเปิดศึกชนกลุ่มพันธมิตรทุกรูปแบบ
หากจับสังเกตจังหวะก้าวก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า "ทักษิณ" วางแผน "หย่าการเมือง" เพื่อให้ "พจมาน ชินวัตร" กลับมารักษาทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง
แต่เป้าหมายที่ไกลกว่านั้นคือการวางตัว "พจมาน" เป็น "นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก"
พลันที่ "ทักษิณ" มั่นใจในความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังประเมินอยู่ว่าจะให้ใครกุมบังเหียนระหว่างตัวจริงเสียงจริงที่ชื่อ "พจมาน" หรือตัวตายตัวแทนที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รัฐบาลนอมินีรุ่นที่กำลังจะเกิดใหม่ในอีกไม่กี่วันนี้ ก็จะ "ยุบสภา" ทันที
ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามแผนที่วางไว้ พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
และเมื่อนั้นก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมบุคคลที่เกี่ยวข้องย้อนหลังตั้งแต่เหตุการณ์ 19 กันยา 2549 เรื่อยมา ซึ่งนั่นหมายรวมถึงตัว "ทักษิณ" ที่จะได้เป็นไท
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองภายหลังคำวินิจฉัยยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญนั้น แม้จะปลดล็อกการเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
เพราะ "ชนวนเหตุใหม่" ใกล้จะเกิดขึ้นอยู่รอมร่อ ในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ !!!
--------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง