ผ่าบัญชีโยกย้ายนายทหารกลางปี | คมชัดลึก

              อีกไม่กี่วันก็จะรู้แล้วว่าใครจะได้ตำแหน่งอะไรในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี 2555 ที่ในปีนี้มีการโยกย้ายตำแหน่งทั้งสิ้น 120 ตำแหน่ง
   
             แต่ "ไฮไลท์" ส่วนใหญ่อยู่ที่ "กองทัพบก" แทบทั้งสิ้น เพราะจะมีการปรับเปลี่ยน "พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร" แม่ทัพภาคที่ 2 และ "พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว" แม่ทัพภาคที่ 3 ที่จะเกษียณอายุราชการปลายกันยายนนี้ จึงต้องมีการโยกขึ้นมากินตำแหน่งอัตราพลเอกตามธรรมเนียมปฏิบัติ
   
             โดยบัญชีรายชื่อทั้งหมด 120 ตำแหน่ง "พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต" รมว.กลาโหม ได้ส่งถึงมือ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
   
             มีการคาดการณ์กันว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวันที่ 20 มีนาคมนี้ และจะประกาศรายชื่อก่อนสิ้นเดือนนี้เช่นกัน รายชื่อโยกย้ายครั้งนี้ไม่ค่อยพลิกโผมากนักที่สำคัญ พล.อ.อ.สุกำพล “ไฟเขียว” ให้ "ผบ.เหล่าทัพ" คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเองทั้งหมด
   
             ดังนั้น พ.ร.บ.กลาโหม ที่หลายฝ่ายเกรงว่า พล.อ.อ.สุกำพล จะหยิบยกขึ้นมาใช้ในครั้งนี้ จึงเก็บพับไปได้เลย
   
             ที่สำคัญขณะนี้ "พล.อ.อ.สุกำพล" และ "ผบ.เหล่าทัพ" เริ่มมีแนวคิดการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพราะต่างฝ่ายต่างยึดความเป็น “พี่-น้อง” ร่วมสายโลหิตความเป็นเตรียมทหาร (ตท.) แต่สิ่งที่เหล่าทัพหวั่นเกรงคือ “ใบสั่ง” จากต่างประเทศจะเข้ามาแทรกแซงการโยกย้ายเท่านั้น
   
             สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจในการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้อยู่ที่การโยกย้าย "พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร" แม่ทัพภาคที่ 2 และ "พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว" แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นมากินตำแหน่ง "ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก" อัตราพลเอก เพื่อรอเกษียณปลายเดือนกันยายนนี้
   
             รวมถึง "พล.ท.ดนัย มีชูเวท" ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) และ "พล.ท.ชูเกียรติ เธียรสุนทร" ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ซึ่งทั้ง 4 คนเป็นเพื่อน ตท.12 รุ่นเดียวกับ "พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา" ผู้บัญชาการทหารบก
   
             นอกจากนี้ ยังมีการโยกย้ายให้ "พล.ท.นิพนธ์ ปานมงคล" (ตท.11) เจ้ากรมการทหารช่าง (จก.กช.) ขึ้นมากินตำแหน่งอัตราพลเอกเช่นเดียวกัน และขยับให้ "พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ" (ตท.13) แม่ทัพน้อยที่ 3 (มทน.3) ขึ้นเป็น "แม่ทัพภาคที่ 3" (มทภ.3) เพื่อคุมกำลังในพื้นที่ภาคเหนือ และดูแลสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ และผลักดันให้ "พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์" (ตท.14) รอง มทภ.3 ขึ้นเป็น "แม่ทัพน้อยที่ 3" แทน
   
             ก่อนนี้ "พล.อ.ประยุทธ์" พยายามผลักดันให้ "พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา" (ตท.15) รอง มทภ.3 ซึ่งเป็น "น้องชาย" ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง "มทน.3" เพื่อจ่อขึ้นเป็น "แม่ทัพภาคที่ 3" ในปีหน้า แต่ "พล.อ.ประยุทธ์" เกรงว่า จะเกิดกระแสโจมตี โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือ จึงให้ "พล.ต.ปรีชา" อยู่ในตำแหน่งเดิมไปก่อนเพื่อลดแรงเสียดทาน
   
             และปรับย้าย "พล.ต.ปราการ ชลยุทธ" (ตท.15) ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 (ผบ.พล.ม.1) และผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ขึ้นเป็น "รองแม่ทัพภาคที่ 3" พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล (ตท.16) ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกพะเยา เป็น "ผบ.พล.ม.1"
   
             ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 "พล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ" (ตท.13) แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 "พล.ต.วิบูลย์พงศ์ กลั่นเสนาะ" (ตท.11) รอง มทภ.2 เป็น "แม่ทัพน้อยที่ 2" พล.ต.สุรนาท สุวรรณนาคร รองแม่ทัพน้อยที่ 2 (รอง มทภ.2) เป็น "รอง มทภ.2" พล.ต.อาชาไนย ศรีสุข (ตท.15) รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (รองผบ.พล.ม.2 รอ.) เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 "พล.ต.พอพล มณีรินทร์" รอง ผบ.รร.จปร.ขึ้นเป็น "ผบ.รร.จปร." พล.ต.วิชิต ศรีประเสริฐ (ตท.13) รอง ผบ.นรด. ขึ้นเป็น ผบ.นรด. "พล.ต.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฎ" รอง จก.กช. ขึ้นเป็น "เจ้ากรม กช." พล.ต.กรยุทธ วัฒนวรางกูร เสธ.กช. เป็น รอง จก.กช.
   
             สำหรับในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ยังไม่มีการขยับตำแหน่งสำคัญ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นภายใน แม้เดิมจะมีข่าวว่าจะส่ง "พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา" รอง มทภ.1 นายทหารสายวงศ์เทวัญ ไปเป็น ผบ.รร.จปร. เพื่อเปิดทางให้ "พล.ต.วลิต โรจนภักดี" รอง มทภ.1 นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นเป็น "มทภ.1" ในการโยกย้ายปลายปี แต่ในที่สุดยังให้อยู่ในตำแหน่งเดิมทั้งหมด เพื่อลดแรงกระเพื่อมในกองทัพ เพราะขณะนี้กระแสนายทหารสายวงศ์เทวัญกับทหารสายบูรพาพยัคฆ์ก็แทบจะไม่มองหน้ากันแล้ว
   
             เช่นเดียวกับ กองทัพภาคที่ 4 "พล.อ.ประยุทธ์" ยังมอบความไว้วางใจให้ "พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์" ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4  ต่อไป เพื่อให้คุมการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับไฟใต้ในเวลานี้
   
             นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งในส่วนของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีการปรับย้ายนายทหารที่ใกล้ชิด ตท.10 ขึ้นมาบางตำแหน่ง เช่น "พ.อ.พฤษภะ สุวรรณทัต" (ตท.19) รองผอ.สำนักนโยบายยุทธศาสตร์ สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม น้องชาย "พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต" หัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม เป็น "ผอ.วิเทศสัมพันธ์ กระทรวงกลาโหม" พ.อ.กำชัย กำลังพล (ตท.23) ผอ.กองนโยบายและแผน กรมการพลังงานทหาร ลูกน้อง เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เป็น ฝ่ายเสธ.ประจำ รมว.กลาโหม
   
             พล.อ.อ.สุกำพล ยังให้กองทัพอากาศเปิดทางให้ น.อ.สุรจิต สุวรรณทัต (ตท.15) น้องชาย ขยับจากตำแหน่ง รอง จก.กร.ทอ. ขึ้นเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทอ. (อัตราพลตรี) ในการปรับย้ายในครั้งนี้ด้วย
   
             การปรับย้ายนายทหารกลางปีนี้จึงไม่ดุเดือด คงต้องรอการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารปลายปีนี้ โดยการจับตาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง "ปลัดกระทรวงกลาโหม" แทน "พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์" และตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ แทน "พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์" ที่จะเกษียณปลายเดือนกันยายนนี้ทั้งคู่
   
             รวมถึงตำแหน่งในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ที่อาจจะต้องขยับ "พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร" แม่ทัพภาคที่ 1 เข้ามาอยู่ในไลน์ 5 เสือ ทบ. เพื่อเปิดทางให้ "พล.ต.วลิต โรจนภักดี" ลูกหม้อบูรพาพยัคฆ์ที่น่าจับตามองไม่น้อยเช่นกัน !

........

(หมายเหตุ : 'ผ่าบัญชีโยกย้ายนายทหารกลางปี' : ขยายปมร้อน โดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์ @ thiosangwan_nna)