คอลัมนิสต์

รายงาน : เก็บตก พธม.ทิ้งทำเนียบ

รายงาน : เก็บตก พธม.ทิ้งทำเนียบ

11 ธ.ค. 2551

รายงาน : เก็บตก พธม.ทิ้งทำเนียบ รอยอดีต...ทำเนียบพันธมิตร อดีตที่รุ่งเรืองและเฟื่องฟูของธุรกิจในม็อบพันธมิตรทำเนียบ กำลังเดินมาถึงปลายทาง เมื่อแกนนำพันธมิตรส่งคืนทำเนียบรัฐบาลคืนแก่สำนักนายกรัฐมนตรีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ธุรกิจรายรอบต้องอพยพขนข้าวของเตรียมย้ายตามไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองแทน โดยไม่หวั่น พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลประกาศใช้ในสองพื้นที่ข้างต้น นับตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้รวมเวลาที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดทำเนียบรัฐบาลใช้เป็นที่ชุมนุมเบ็ดเสร็จกินเวลา 98 วัน ความอึกทึกและการแสดงพลังมวลชน ถึงขนาดครั้งหนึ่งได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนได้เที่ยวชม เสียงหวีดร้องโกลาหลเมื่อถูกคนร้ายยิงเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่สองครั้งสองครา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย มาบัดนี้หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและเศษซากที่รอการเก็บกวาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่จากสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าตรวจสอบความเสียหายแล้ว และคาดว่าจะส่งคืนทำเนียบรัฐบาลได้ภายใน 2-3 วันหลังจากนี้ ขณะที่บรรยากาศรอบๆ ทำเนียบรัฐบาลที่เคยพลุกพล่านไปด้วยผู้ชุมนุมกลับว่างเปล่าและเงียบเหงาลงไปถนัดตา มีเพียงการ์ดพันธมิตรที่คอยดูแลพื้นที่รอบๆ กับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตดุสิตกว่า 20 คน มาเก็บข้าวของเคลียร์พื้นที่โดยรอบ และคนเก็บของเก่าที่เข้ามาเลือกหาข้าวของที่พอจะนำไปแลกเป็นเงินประทังชีวิตได้บ้าง ส่วนภายในทำเนียบรัฐบาลมีเพียงความว่างเปล่า เจ้าหน้าที่กองทัพธรรมหลายร้อยชีวิตและการ์ดพันธมิตรสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของทุกอย่าง เพื่อย้ายไปฐานที่มั่นแห่งใหม่ อีกด้านหนึ่งพนักงานร้านเต็นท์เช่าก็กำลังรื้อถอนเต็นท์กันอย่างขะมักเขม้น "พนัส ผลทวีสุข" วัย 67 ปี อดีตประธานยุวกสิกร แฟนพันธุ์แท้พันธมิตร แต่ปัจจุบันเป็นเพียงคนไร้บ้านก็เตรียมเก็บข้าวของไปชุมนุมต่อที่ดอนเมือง ทว่าก็ยังเป็นห่วงนาข้าวหอม (ภูไท) ไทยคู่ฟ้า" หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนเป็นต้นมา จึงกลับมาคอยดูแลรดน้ำแปลงข้าวที่เริ่มโทรม อีกใจก็หวังว่าเมื่อย้ายไปแล้วจะมีคนมาดูแลนาข้าวหรือไร่นาสวนผสมแห่งนี้ต่อไป ส่วนธุรกิจโดยรอบทำเนียบที่เคยเฟื่องฟู ร้านรวงนับร้อยๆ แห่งตั้งเรียงรายจำหน่ายทั้งมือตบ เสื้อยืดพันธมิตร ของชำร่วย ฯลฯ ต่างก็ย้ายไปปักหลักที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "ทรงพล" อดีตการ์ดพันธมิตรที่ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายเสื้อกู้ชาติ ที่เพิ่งลงทุนสั่งพิมพ์เสื้อกู้ชาติมาจำนวนมาก ได้ขนสินค้าไปขายที่สุวรรณภูมิหมดแล้ว เช่นเดียวกับการ์ดพันธมิตรรายอื่นๆ ที่มองหาช่องทางเพิ่มรายได้ระหว่างร่วมขบวนการกู้ชาติกับพันธมิตร และการ์ดมือตบอีกคนที่เคยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างย่านสีลม และเป็นแฟนพันธุ์แท้พันธมิตรมาร่วมชุมนุมตั้งแต่ปี 2549 หารายได้เสริมระหว่างการชุมนุมที่ทำเนียบด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างรับ-ส่งผู้ชุมนุม มีรายได้ตกวันละ 2,000-3,000 บาท ก็กำลังจะย้ายไปขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่สุวรรณภูมิด้วยเช่นเดียวกัน "ใจหายเหมือนกันที่ต้องย้ายไปจากที่นี่แล้ว พรรคพวกที่เคยรู้จักกันก็แยกย้ายกันไป บางคนกลับบ้าน บางคนไปชุมนุมต่อ ผมก็จะไปชุมนุมต่อที่สนามบินสุวรรณภูมิเหมือนกัน" การ์ดวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าว ข้างต้นคือความรู้สึกของบรรดาพ่อค้าเร่กลางม็อบ แต่สำหรับพ่อค้าแม่ขายขาประจำรอบทำเนียบรัฐบาลยังลังเลที่จะย้ายตามม็อบไปที่สุวรรณภูมิและดอนเมือง รอดูท่าทีต่อไปว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ "อุ่นเรือน ขวัญนาค" แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว วัย 55 ปี มีบ้านพักอยู่ย่านวัดโสมนัส เคยติดตามขายข้าวไข่เจียวให้ผู้ชุมนุมมาเกือบครึ่งปี นับตั้งแต่การชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์จนถึงทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าไปจนถึงสามทุ่ม ฟันรายได้วันละหลายพันบาท รู้สึกใจหายเมื่อรู้ว่าพันธมิตรย้ายไปอยู่ที่สุวรรณภูมิ เพราะหลายคนกลายเป็นลูกค้าขาประจำไปแล้ว ส่วน "เกษร รอดเพชรไทย" แม่ค้าขายขนมหวาน ลอดช่อง ข้าวเหนียวทุเรียน วัย 52 ปี ก็มีความรู้สึกไม่ต่างไปจาก อุ่นเรือน เธอบอกว่าแรกๆ รู้สึกโกรธแค้นที่พันธมิตรยึดทำเนียบทำรายได้หดหาย แต่หลังจากเริ่มปรับตัวทำขนมใส่รถเข็นมาขาย แล้วมีแม่ยกพันธมิตรเหมาขนมให้การ์ดเกือบทุกครั้ง ถึงตอนนี้รู้สึกคิดถึงแม่ยกพันธมิตรมาก "ตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายออกจากทำเนียบไปแล้ว ก็ดีใจที่จะได้กลับมาขายของเหมือนเดิม แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน อีกใจหนึ่งก็อดคิดถึงผู้ชุมนุมที่ใจดี อัธยาศัยดี อย่างแม่ยกพันธมิตรไม่ได้ ที่มาคอยพูดให้กำลังใจ และเหมาขนมไปเกือบทุกครั้ง" เกษรกล่าว ส่วนพ่อค้าแม่ค้าขายไอศกรีมและผลไม้สด ซึ่งตั้งรถเข็นขายประจำอยู่ข้างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่พันธมิตรย้ายออกไปแล้วไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย เพราะตอนมีการชุมนุมก็ไม่มีใครมาซื้อของมากขึ้น ตรงกันข้ามการปิดถนนยิ่งทำให้เดินมาขายของยากขึ้น ตอนนี้เปิดถนนแล้วก็เดินมาขายได้ง่ายขึ้น