
ครม.เต้าหู้ยี้
ครม.เต้าหู้ยี้ : บทบรรณาธิการประจำวันที่ 20 ม.ค.2555
ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ผิดแผกไปจากธรรมชาติของการเมืองไทย เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เวลาเพียง 5 เดือน ปรับคณะรัฐมนตรีเป็น “ยิ่งลักษณ์ 2” ด้วยปริมาณของ ส.ส.และการสนับสนุนจากหลากหลายกลุ่มในพรรค การแบ่งสันปันส่วนอำนาจในลักษณะของ “สมบัติผลัดกันชม” จึงเป็นจารีตที่ทุกคนควรยอมรับ แน่นอนว่ามีเหตุผลในการปรับเปลี่ยน โยกย้ายในแต่ละตำแหน่ง “เพื่อความเหมาะสม” แต่ไม่ใช่ความเหมาะสมในเชิงความรู้ ความสามารถ เป็นความเหมาะสมที่ผู้นำตัวจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นว่าเหมาะสม โดยเฉพาะการต่างตอบแทนแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ยอมมอบกายถวายชีวิตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากเกิดอาการหน้าบาง ไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อแรกรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ต้องถือว่าเป็นบำเหน็จรางวัล ที่สั่งสมมาเกือบ 2 ปี หลังจากเขานำมวลชนที่เรียกว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ใช้เสื้อสีแดงและตีนตบเป็นสัญลักษณ์ต่อต้าน “ระบอบอำมาตยาธิปไตย” เมื่อเดือนมีนาคม 2553 เขาประกาศว่าจะมีคนเข้าร่วม 1 ล้านคน และเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภา “ถึงเวลาแล้วที่นายอภิสิทธิ์ต้องทบทวนตัวเอง และรีบตัดสินใจยุบสภา เพื่อไม่ให้ตัวเองและรัฐบาลเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย” นอกจากนั้นเขายังใช้ถ้อยคำ “ไพร่” และ “อำมาตย์” เป็นคำปลุกเร้า ให้ผู้มาชุมนุมเกลียดชังผู้มีอำนาจในขณะนั้น หรือแยกแบ่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงเป็นพวกอำมาตย์ แต่วันนี้ดูเหมือนคำว่าอำมาตย์ถูกลบเลือนหายไป เมื่อเขากำลังเสวยอำนาจในฐานะอำมาตย์เสียเอง
ความจริงคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีมากนัก การปรับคณะรัฐมนตรีถูกแยกส่วนจากการรับรู้ของประชาชนมานานแล้ว เพราะการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนักการเมืองโดยแท้ ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป แต่ครั้งนี้การเลือกคนที่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้แก่สังคม ขาดวุฒิภาวะ ใช้กำลังในการแก้ปัญหา และอยู่ในฐานะผู้ต้องหาคดีร้ายแรง แม้จะถูกซ่อนไว้ในตำแหน่งที่ไม่ได้สลักสำคัญ แต่ก็คล้ายเป็นการตบหน้าประชาชน และสร้างทัศนคติ ความเข้าใจที่ผิดๆ ว่า คนที่มีพฤติกรรมทำร้ายบ้านเมือง เห็นบ้านเมืองไม่มีขื่อ มีแป ก็สามารถเป็นใหญ่ได้ และทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ตำแหน่ง กระหึ่มแห่งเสียงต่อต้านจะต้องดังขึ้น
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ไม่ใช่การปรับครั้งสุดท้าย หลังจากนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษแบน ก็อาจมีการปรับอีกระลอกหนึ่ง เพื่อให้รัฐมนตรีตัวจริงเข้ามารับตำแหน่ง ฉะนั้นในแง่ของความคาดหวัง การปรับคณะรัฐมนตรีจึงมิได้มีนัยสำคัญแต่อย่างใด คนไทยคงต้องรับสภาพ “ครม.เต้าหู้ยี้” ต่อไป ไม่ว่าจะมีใครเห็นชอบหรือไม่ก็ตาม