คอลัมนิสต์

'ทรงกิตติ'3ปีกับตำแหน่งผบ.สส.

'ทรงกิตติ'3ปีกับตำแหน่งผบ.สส.

10 ต.ค. 2554

'ทรงกิตติ'3ปีกับตำแหน่งผบ.สส. : ตะลุยกองทัพ โดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์

             3 ปี ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถือเป็นการจบภารกิจการรับราชการทหารอย่างสมบูรณ์แบบของชายชาติทหารที่ชื่อ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างมากมาย ทางกองทัพไทยจึงได้จัดพิธีเทิดเกียรติอำลาตำแหน่งให้อย่างสมเกียรติ โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ เป็นแม่งาน

             โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

             ไฮไลท์งานอยู่ที่พิธีสวนสนามกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ จำนวน 568 นายและกองพันทหารม้าจำนวน 1 กองพัน รวมทั้งมีอากาศยานจากกองทัพบกที่มีการจัดเฮลิคอปเตอร์แบบ CH-60 (แบล็กฮอว์ก) จำนวน 2 ลำ กองทัพเรือจัดเฮลิคอปเตอร์แบบ S-76B (ซีฮอว์ก) และกองทัพอากาศจัดเครื่องบินเอฟ 16 รวมทั้งจัดยุทโธปกรณ์ อาทิ ปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร GHN45, รถถัง M60 A3 รถถังเบา 21, รถสายพานแบบ 30, ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 20 มิลลิเมตร, ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 40 L70 รถยานเกราะล้อยาง, ปืนไร้แสงสะท้อน 106 มิลลิเมตร, รถขุดตัก, รถตักบรรทุกล้อยาง, รถดาวเทียม C-BAN เข้าร่วมการสวนสนามในครั้งนี้ด้วย

              พล.อ.ทรงกิตติถือว่า เป็นนายทหารอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านการทหารเป็นอย่างมาก ทั้งการปฏิบัติงานในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจร่วม 972 ไทย/ติมอร์ตะวันออก และเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังนานาชาติในติมอร์ตะวันออก (International Force East Timor) หรือ (ผบ.กกล.ฉก.ร่วม 972 ไทย/ติมอร์ ตอ. และ รอง ผบ.กกล.นานาชาติ (INTERFET) และได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ในการแก้ไขปัญหาปราบปราบกลุ่มโจรก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

             และในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลขับไล่รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ พล.อ.ทรงกิตติ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นหัวหน้าเฉพาะกิจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อยับยั้งปัญหาความวุ่นวายของบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกหลาย จนสุดท้ายการแก้ไขปัญหาก็ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

             พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ขอบคุณเพื่อนทหารร่วมชีวิตตน ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่กองทัพไทย หรือ 8 กองกำลังที่ป้องกันประเทศที่ปฏิบัติงานในขณะนี้ โดย 7 กองกำลังของกองทัพบก และ อีก 1 กองกำลังของกองทัพเรือ รวมถึงกำลังพลที่ทำงานเพื่อรักษาความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองกำลังเฉพาะกิจ 980 ไทย-ดาร์ฟูร์ หรือหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดในอ่าวเอเดน ประเทศโซมาเรีย และผู้ช่วยทูตทหารในต่างประเทศ และเพื่อนร่วมชีวิต ที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ชีวิตรับราชการตั้งแต่จบการศึกษาจาก จปร. ก็ทำงานมาต่างๆ ได้เสริมสร้างความรู้ประสบการณ์มาจนถึงทุกวันนี้

                 “เหนืออื่นสิ่งใดล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่พระราชทานให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในการรับราชการ ตลอดเวลาที่ผ่านมากำลังพลในกองทัพ 4 แสนกว่านาย ต่างตั้งใจร่วมกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็น เหนือ ใต้ ออก และ ตก หรือกองกำลังต่างๆ ที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติอยู่ โดยตระหนักดีว่ากำลังพลไม่เคยเรียกร้องใดๆ แต่พวกท่านทำหน้าที่สมชายชาติทหาร ด้วยเกียรติยศความสง่างาม และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทุกชีวิต 4 แสนกว่าคน มีคุณค่าเท่ากันในการเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ในการสร้างศักดิ์ศรีให้กับกองทัพ ต่างกันเพียงหน้าที่และตำแหน่งเท่านั้น”

                 พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของกำลังทหารที่มีความเข้มแข็งสง่างาม ผบ.เหล่าทัพ กำลังพล 3 เหล่าทัพ ได้ฝ่าฟันอุปสรรค สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และมิตรประเทศ? สมดังเจตนารมณ์ที่ว่า 3 เหล่าทัพ เป็น 1 กองทัพไทย ขอบคุณ ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. และเพื่อนร่วมชีวิต มั่นใจว่าเพื่อนร่วมชีวิตที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่จะร่วมมือร่วมใจกันในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

                 “กองทัพต้องร่วมมือร่วมใจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และสร้างความผาสุกให้กับประชาชน และให้กองทัพเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ผมมั่นใจในตัวของพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนผม เพราะมีความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ จะนำพากองทัพไทย โดยเฉพาะอย่างยิงสร้างความเข้มแข็ง และสร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพ และประเทศชาติในอนาคต และสร้างกองทัพให้มีเกียรติ และศักดิ์ศรีคู่กับบ้านเมืองตลอดไป และสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ” พล.อ.ทรงกิตติกล่าว

                 ถือเป็นการจบภารกิจที่สมบูรณ์แบบของ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ในการทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน อย่างแท้จริง แต่ลึกๆ แล้ว พล.อ.ทรงกิตติก็ยังคงเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองที่แม้ว่าวันนี้จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม เพราะอุบัติเหตุทางการเมือง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเสี้ยววินาที หากแต่เกิดจากคำว่าไม่รู้จักพอ