คอลัมนิสต์

ขยายปมร้อน // รูป อภิสิทธิ์ หอบดอกกุหลาบ

ขยายปมร้อน // รูป อภิสิทธิ์ หอบดอกกุหลาบ

11 ธ.ค. 2551

ขยายปมร้อน // รูป อภิสิทธิ์ หอบดอกกุหลาบ + 5 วันอันสุดระทึก + นับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม วันที่จะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ก็เหลืออีกไม่ถึง 5 วัน บางคนบอกว่า เหลือไม่กี่วัน แต่สำหรับบางคน 5 วันนี้ ช่างยาวนานเหลือเกิน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่พรรคแกนนำรัฐบาลใหม่ เพราะรู้ดีว่า อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ยิ่งถ้าหากว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจยุบสภาได้ เรื่องราวที่เคยคิดว่า แน่เสียยิ่งกว่าแช่แป้ง มันก็คงจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว โดยเฉพาะหากคำวินิจฉัยออกมาภายในวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม ถึงแม้ว่า ในวันที่หอบดอกกุหลาบแดงไปหา เนวิน ชิดชอบ และได้พบกับ อนุทิน ชาญวีรกูล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของชวรัตน์ อยู่ด้วยกับเนวิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ประชาธิปัตย์มั่นใจได้ถึง 100% ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้น เพราะการเมืองหากยังไม่โหวตเสียง หรือเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้ว อะไรมันก็ไม่อาจฟันธงได้ถึง 100% ล้มโต๊ะ ยุบสภา มันก็ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น ถึงแม้จะ "คอนเฟิร์ม" เรื่องร่ำลือถึงความอึดอัดคับข้องใจ กลืนเลือดเต็มพุงของผองเพื่อนเนวิน ที่โดนริบเก้าอี้ เมื่อครั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก้าวขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โควตาที่เคยมี 5-6 เก้าอี้ ก็ถูกหั่นเหลือครึ่งเดียว แถมยังมีความเห็นที่แตกต่าง ในเรื่องการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดง ที่ยิ่งนานยิ่งเฉียดใกล้สถาบัน เท่านั้นก็น่าจะทำให้ ความน่าเชื่อถือของ "เพื่อนเนวิน" มีมากพอที่จะอุ่นใจได้ แต่การณ์ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างนั้น กระแสข่าวลือยังคงกระพือโหมให้อกสั่นขวัญแขวน ลือจนกระทั่งเรื่องที่ "เพื่อนเนวิน" ขัดเคืองอย่างรุนแรง ก็แทบจะไร้น้ำหนัก ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จาก ผบ.ตร.ไปประจำสำนักนายกฯ ด้วยเหตุผล "เข้าเกียร์ว่าง" แต่เหตุผลที่เล่าในที่ลับกลับเป็นเรื่องการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" เสียมากกว่า เพราะถ้าจะปลด ผบ.ตร.ก็น่าจะทำหลังเหตุการณ์นองเลือดหน้าสภา 7 ตุลาคม ปลัดวันนั้นก็ไม่มีใครบอกว่า ไม่สมควร ก็รู้กันอยู่ว่า แรงดันส่วนหนึ่งที่หนุนส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท ขึ้น ผบ.ตร.นั้นมาจากใคร แล้วใครที่ร้องขอเจรจาเพื่อให้ทำในสิ่งที่ร้องขอก่อนค่อยตัดสินใจ แต่การเจรจายังไม่ทันสิ้นสุด คำสั่งจากทำเนียบรัฐบาลก็ฟันเปรี้ยงชนิดไม่ฟังเสียงใคร ! มันเท่ากับหักกันซึ่งหน้า นั่นจึงนำมาซึ่งการปฏิเสธนำม็อบเข้าร่วมกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่อาจวางใจได้ ถึงแม้จะมีเสียงคำรามจาก "รุ่นลายคราม" ที่สลัดขั้วเก้า ทิ้งเก้าอี้เสนาบดี มาจับขั้วใหม่ว่า "ถ้าหักหลังกันคราวนี้ ก็มีแต่ยิงกันเท่านั้น" ก็ตามทีเถอะ เพราะอีก 5 วัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ตัวเลขที่บอกผ่านแกนนำ ให้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อลาก-ดึง-ดูด เพื่อนเนวินและพรรคร่วมเดิมกลับนั้น แค่เริ่มต้น ก็ยวนยั่วให้เคลิบเคลิ้ม 8 หลัก เป็นตัวเริ่มต้น โดยเลขหน้าสุดอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ตามลำดับความสำคัญ ระยะเวลาต่อรองเปิดให้ยาวจนถึง 30 นาทีก่อนโหวตเสียง ยิ่งสุ้มเสียงของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่เพิ่งขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน "แทงกั๊ก" บอกยังไม่พร้อมจับมือกับขั้วใด ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักของความไม่แน่นอนมากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่า สภาพที่แท้จริงของ พรรคเพื่อแผ่นดิน นั้น จะกอปรด้วยแกนนำหลากหลาย ทั้ง สุวรรณฉวี, อัศวเหม, ตันเจริญ, จารุสมบัติ ที่เกาะเกี่ยวกันอยู่ และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ประสาน-ทาบทามไปหมดแล้ว แต่เมื่อทุกกลุ่มชู พล.ต.อ.ประชา ขึ้นมาเพราะบุคลิกน่าจะเป็นคนกลางๆ ประสานกับทุกกลุ่ม เนื่องจาก "ไร้กองกำลังส่วนตัว" แต่เมื่อหัวหน้าพรรคออกมารูปแบบนี้ มันก็ต้องคิดหาทางออกโดยสมมติฐานในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ก่อน นี่ยังไม่นับถึงวันที่ 13 ธันวาคม ที่ทักษิณ ชินวัตร จะโฟนอินเข้ามาอีก 5 วันที่เหลืออยู่นี้ จึงเป็น 5 วันที่ระทึกใจอย่างยิ่ง สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนที่ใกล้คว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 27