
ยะลาไล่ล่ารถต้องสงสัยป้องเหตุร้าย
ผกก.สภ.เมืองยะลา สั่ง จนท.ไล่ล่ารถต้องสงสัย ขอ ปชช.แจ้งเบาะแสพบเห็นติดป้ายทะเบียนปลอม แนะเจอด่านจุดสกัดร่วมมือให้ตรวจสอบ
1 ก.ค. 59 เมื่อเวลา 08.40 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองยะลา แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีความคืบหน้าในการจับกุม 2 วัยรุ่น พกพาอาวุธปืนขับรถยนต์กระบะแหกด่านเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ว่า ในช่วงนี้เขตเมืองยะลาได้มีการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันเหตุ โดยเฉพาะในเขตเทศบาล การเข้ามาในพื้นที่ของพี่น้องประชาชน ก็ขอความร่วมมือจากตำรวจ ทหาร ในการตรวจตรารถต้องสงสัย
ส่วนกรณีการจับกุมรถยนต์อีซูซุ ได้ผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืน เมื่อวานที่ผ่านมา ก็เป็นแผนระดมการปราบปรามในเขตเมือง ติดตามรถเป้าหมายที่จะเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งเป็นแผน รปภ.เขตเมือง ตามปกติ โดยผู้ต้องหาที่ขับรถยนต์กระบะอีซูซุได้หลบหนี ไม่ยอมให้ตรวจ จึงได้สั่งการให้สกัดกั้น และสามารถจับกุมได้ พร้อมอาวุธปืน จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาวุธปืนและมีการเสพยาเสพติดมาด้วย เหตุผลที่หลบหนีการตรวจของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกลัวจะถูกจับกุม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแต่อย่างใด
“ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบเจ้าหน้าที่กำลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ก็ขอให้ชะลอรถ รวมทั้งเปิดกระจกรถให้ตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ส่วนกรณีรถยนต์กระบะต้องสงสัย ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ก็มีหลายคัน แต่คันที่เพ่งเล็งมากที่สุดคือ อีซูซุ ซึ่งทางการข่าว น่าจะเป็นรถที่จะเข้ามาก่อเหตุ แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีการเฝ้าระวังกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตรวจตรารถต้องสงสัย หากพบว่ามีการนำรถมาจอด แล้วผู้ขับขี่ขึ้นรถคันอื่นไป ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าตรวจสอบ รวมทั้งฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน หน้าร้านของตัวเอง ว่ามีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ เพื่อที่จะช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมกัน”
พ.ต.อ.จำลอง กล่าวอีกว่า สำหรับการสังเกตป้ายทะเบียนรถ โดยเฉพาะป้ายทะเบียนที่ทำขึ้นเองนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตนเองได้กำชับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งกำลังภาคประชาชน ให้ช่วยกันสังเกตรถยนต์ที่ติดป้ายทะเบียนในลักษณะทำขึ้นเองเป็นพิเศษ มองดูได้ง่าย เพราะจะเป็นป้ายพลาสติก ติดสติกเกอร์ เนื่องจากที่ผ่านมาคนร้ายมักจะใช้ป้ายทะเบียนลักษณะนี้ในการก่อเหตุ ซึ่งตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมรถทุกคันที่ใช้ป้ายทะเบียนที่ทำขึ้นมาเอง
ผลสอบยิงโต๊ะอิหม่ามยะหริ่งตรงกับอิหม่าม 'ยะโก๊ป'
เมื่อเวลา 11.00 น. พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของ ศพฐ.10 ซึ่งได้มีการตรวจรองลูกกระสุนปืนรีวอลเวอร์ ขนาดประมาณ .38 ที่ตกในที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายเคยใช้ยิงมาจากกระบอกเดียวกันกับคดีที่มีประวัติเก็บไว้ในสารบบของ ศพฐ.10 รวม 17 คดี ด้วยกัน คือ คดีที่ 1. เมื่อ 16 ธ.ค. 47 คนร้ายยิง ส.ต.ท.ชาญุทธ์ ภูดินดา ในพื้นที่ ม.1 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 2. เมื่อ 24 มิ.ย. 50 ยิงแล้วเผา นายอำพันธ์ อนุบุตร ณ บ้านเลขที่ 336 ม.2 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
คดีที่ 3 เมื่อ 16 ธ.ค. 50 ยิง นายนัสรูดิน สาแล๊ะ ขณะเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนศาสนูปถัมภ์ อ.เมืองปัตตานี บนถนนสาย 42 บ้านโต๊ะโสม ม.1 ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 4. เมื่อ 11 มิ.ย. 51 ยิงนายสมชาย แดงเพ็ง ได้รับบาดเจ็บ และนายศักดิ์ดา ณ สงขลา เสียชีวิต บนถนนสายยะหริ่ง - ม่วงหวาน ม.2 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 5. เมื่อ 23 ธ.ค. 52 ยิง นายมะ มีนา เสียชีวิต ในร้านน้ำชาเลขที่ 96 ม.2 ถ.รามโกมุท ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 6. เมื่อ 29 พ.ค. 55 ยิง นายดิษฐรัช สรเกตุ และนางจุฑามาศ พงศ์พานิช เสียชีวิต บนถนนสายรามโกมุท ม.3 ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 7. เมื่อ 20 ก.ย. 55 ยิง ร.ต.ต.อับดุลเล๊าะ ดอเลาะ ตลาดนัดสามแยกสาบัน ม.5 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 8. เมื่อ 28 เม.ย. 56 ยิง นายวายุภักดิ์ ธรรมทินโน เสียชีวิต บริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนตาดีกาบ้านกลาขอ ม.5 ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 9. เมื่อ 3 มิ.ย. 56 ยิง นายมะแอ เจ๊ะฮะ เสียชีวิต บนถนนสาย 42 แยกทางเข้าบ้านซะเอาะ ม.2 ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
“สำหรับคดีที่ 10. เมื่อ 5 ส.ค. 56 ยิง นายยะโก๊ป หร่ายมณี ซึ่งเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เสียชีวิต บริเวณ ถ.ยะรัง ซอย 6 ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี คดีที่ 11. เมื่อ 5 ต.ค. 56 ยิง นายอิสมาแอ สะดียามู เสียชีวิต บนถนนในหมู่บ้านสายสะดาวา - ราตาปันยัง ม.6 ต.สะดาวา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี คดีที่ 12. เมื่อ 4 ม.ค. 57 ยิง ด.ต.มะรอเซะ มูหนะ เสียชีวิต และนายอิสมาแอ มะแซ เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมืองปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ ในร้านน้ำชาบ้านเลขที่ 73/4 ม.2 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี คดีที่ 13. เมื่อ 24 ก.ค. 57 ยิง น.ส.นาศาชล สังข์วิเชียร เสียชีวิต บริเวณหน้าโรงเรียนจงรักษ์สัตย์ ถนนสาย 42 ม.2 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมือง จ.ปัตตานี คดีที่ 14. เมื่อ 19 ก.ย. 57 ยิง นายมะยีดิง กะตะแซ เสียชีวิต ถนนสายภายในหมู่บ้าน ม.1 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คดีที่ 15. เมื่อ 13 ก.ค. 58 ยิง นายสกุล ชฎารัตน์ ครูอัตราจ้างโรงเรียนชุมชนบ้านตะลุโบะ เสียชีวิต ถนนสาย 42 ม.3 ต.บาราโหม อ.เมือง จ.ปัตตานี คดีที่ 16. เมื่อ 13 ส.ค. 58 ยิง นายอาหาหมัด ดาโอะ เสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 68 ม.1 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี และคดีที่ 17. เมื่อ 26 มิ.ย. 59 คนร้ายประกบยิง นายอับดุลเลาะ โด อายุ 56 ปี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดดารุนมูไฮมี ขณะขับขี่รถ จยย.หน้ามัสยิสตาแกะ บ.กุหมัง ม.4 ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี” รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าว
พันเอกยุทธนาม ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของ ศพฐ.10 แสดงให้เห็นว่า คดียิงโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดดารุนมูไฮมี เสียชีวิต ใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มุ่งสร้างความรุนแรงในห้วงเดือนรอมฎอน สร้างสถานการณ์เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจผิด หากไม่มีการตรวจสอบวัตถุพยาน และรูปคดียังคลุมเคลือจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปบิดเบือนกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ