สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย. สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ (Thailand Institute of Justice) จัดงานเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “การใช้การกีฬาเพื่อการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาในกลุ่มเยาวชน”
หลายคนเห็นชื่องานเสวนาแล้วอาจจะงงว่า กีฬาจะช่วยป้องกันอาชญากรรม และมีส่วนเกื้อหนุนเรื่อง
ความยุติธรรมทางอาญาใน กลุ่มเยาวชนได้อย่างไร?
คําตอบก็คือจริง ๆ แล้ว “กีฬา” มีผล อย่างมากต่ออนาคตของเยาวชน โดยเฉพาะในแง่ของการป้องกันอาชญากรรม และแก้ไขเยียวยาผู้เยาว์ที่ก้าวพลาด มีข้อมูลเชิงประจักษ์ยืนยันชัดเจน ซึ่งนายสมศักดิ์
เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เล็งเห็นความสําคัญและเดินทางมาเปิดงานเสวนาด้วยตนเอง
สําหรับประเทศไทยในปัจจุบัน มีจํานวนเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนทั้งประเทศ จํานวน 36,595 คน (หมายถึงเด็กและเยาวชนที่กระทําผิดอาญา) สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเรามีเด็กและเยาวชน
เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมจํานวนไม่น้อย
ขณะที่งานวิจัยจากนานาชาติพบว่า หากกลุ่มและเยาวชนผู้ก้าวพลาดเหล่านี้ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่าง
รอบด้านตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัญหาการกระทำผิดในกลุ่มเยาวชนจะเกิดขึ้นน้อยลง ดังนั้น เด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ จึงไม่ควรถูกละเลย
ด้วยเหตุนี้เอง การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างศักยภาพด้านร่างกายควบคู่กับการพัฒนาทักษะชีวิตในสถานพินิจฯ จึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยให้เด็กและเยาวชนที่เคย
ก้าวพลาดมีความพร้อมในการกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข
และนี่เองได้กลายเป็นจุดประกายให้ TIJ จัดงานเสวนาทางวิชาการขึ้น และเชิญผู้แทนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
มาร่วมกันระดมสมอง เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมแนวคิดนี้ และนำไปขยายผลให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นทั่วประเทศ
งานเสวนาครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากความสำเร็จของประเทศไทยที่ได้เสนอข้อมติ “Integrating Sport into Youth Crime Prevention and Criminal Justice” ในเวทีการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (Commission on Crime Prevention and Criminal Justice) สมัยที่ 28 ที่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และได้รับการรับรองโดยฉันทามติจากประเทศสมาชิก
สาระสำคัญของมติในเรื่องนี้ก็คือ การเน้นย้ำถึงความสำคัญของกีฬาว่าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้ทุกภาคส่วนตระหนักว่ากีฬามีส่วนช่วยในการส่งเสริมและฟื้นฟูเด็กที่กระทำผิดให้กลับมาอยู่ในสังคมและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการ TIJ ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประเทศไทยในกรอบความร่วมมือกับสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา หรือ UNODC กล่าวว่า ประเด็นการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรมเป็นเรื่องสำคัญ
TIJ จึงได้ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อผลักดันเรื่องนี้ให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม โดยคาดหวังให้มีการนำแนวคิดนี้ไปขยายผลต่อไปในประเทศไทยด้วย จากการบูรณาการของทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาสังคม และสื่อมวลชน
ตัวอย่างของความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมแล้ว คือ “สโมสรกีฬา Bounce Be Good: เด้ง ได้ ดี” ที่ก่อตั้งขึ้นตาม
พระวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณี สิริพัชร
มหาวัชรราชธิดา ที่ทรงเล็งเห็นถึง การนำกีฬามาเป็นเครื่องมือสําหรับการพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดในประเทศไทย เพราะกีฬาเป็นสื่อกลางที่สามารถป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นพลังสําคัญของชาติ
มี 2 ประเด็นที่ผู้อำนวยการ TIJ เน้นย้ำก็ คือ กีฬาถือเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่จะช่วยพัฒนาทักษะชีวิต และ ศักยภาพของเด็กและเยาวชน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและ
ความรุนแรงได้จริง
ขณะเดียวกัน ประเด็นการป้องกันอาชญากรรมโดยอาศัยการกีฬานั้น ก็มีความซับซ้อนและคาบเกี่ยวกันในหลากหลายภาคส่วน จึงต้องอาศัยการทำงานบูรณาการจากทุกฝ่าย ไม่เพียงแค่คนหรือหน่วยงานใน
กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
นอกจากนั้น ในวันที่ 16-18 ธ.ค. นี้ TIJ จะร่วมกับ UNODC จัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนานาชาติว่าด้วยเรื่องการใช้กีฬาในการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในกลุ่มเยาวชน เพื่อวิเคราะห์และรวบรวมมาตรการและแนวปฏิบัติจากนานาชาติในการนำกีฬามาใช้เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรม ตลอดจนเพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะแก่ภาครัฐในการนำไปบรรจุเป็นนโยบายระดับประเทศและระดับสากลต่อไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง