
สมรรถนะ 'เรือดำน้ำ' เรือฟริเกต แบบไหนแกร่งกว่า เหมาะเป็นเจ้าแห่งน่านน้ำไทย
เปิดสมรรถนะ 'เรือดำน้ำ' เรือฟริเกต ท่ามกลางกระแสเปลี่ยนแล้วแบบไหนคุ้มกว่ากัน เทียบชัดลำไหนแข็งแกร่ง เหมาะจะเป็นเจ้าแห่งน่านน้ำไทยมากกว่า
กระแสเปลี่ยน "เรือดำน้ำ" เป็น เรือฟริเกต ของกระทรวงกลาโหม ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ว่าทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่ากากรระทรวงกลาโหม ได้ออกมาประสานเสียงกันว่า การเปลี่ยนสัญญาซื้อขาย "เรือดำน้ำ" ระหว่างจีนและไทยในครั้งนี้ ประเทศไทยไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน และทุกอย่าง ทุกขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียด สัญญาซื้อขายกันแบบละเอียด
ท่ามกลางกระแสสังคมที่ยังคงมีการตั้งคำถามอยู่ต่อเนื่องแล้วระหว่าง "เรือดำน้ำ" ราคาหลายหมื่นล้าน กับ เรือฟริเกต อะไรมีความคุ้มค่ามากกว่ากัน ทั้งด้านสมรรถนะ ระยะเวลาการใช้งาน ราคา รวมไปถึงความเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย คมชัดลึก รวบรวมข้อมูลคุณสมบัติ และการใช้งานด้านการรบ อาวุธต่างๆ ของ เรือดำน้ำ และ เรือฟริเกต ไว้ดังนี้
"เรือดำน้ำ" เป็นเรือรบที่สามารถปฏิบัติการในขณะที่อยู่ใต้ผิวน้ำได้ สร้างจากเหล็กแต่มีความสามารถในการเคลื่อนที่ภายใต้น้ำ "เรือดำน้ำ" ถูกนำมาใช้ในการสงครามและการค้นคว้าสำรวจใต้ทะเลลึกในบริเวณที่มนุษย์เราไม่สามารถดำลงไปได้ด้วยการสวมเพียงชุดดำน้ำ ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษเหนือกว่ายานพาหนะชนิดอื่น คือ สามารถที่จะอยู่ได้ทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำ
"เรือดำน้ำ" Yuan ClassS26T เป็นเรือดำน้ำขนาดกลาง ยาว 77.6 เมตร กว้าง 8.4 เมตร กินน้ำลึก 6.7 เมตร มี 1 ใบจักร ความเร็วผิวน้ำ 16 นอต ความเร็วสูงสุดขณะดำน้ำ 23 นอต เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยี AIP (Air Independent Propulsion) เป็นระบบใช้เครื่องยนต์ดีเซล แบบใช้อากาศหมุนเวียน มีออกซิเจน และเชื้อเพลิงอยู่ในตัว ระบบเครื่องยนต์ไม่ต้องพึ่งพาอากาศจากผิวน้ำ เพื่อยืดเวลาขึ้นสู่ผิวน้ำและการเข้าซ่อมบำรุงในฝั่ง ทำให้การขับเคลื่อนมีความเงียบ สามารถดำอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน 21 วัน ตัว เรือดำน้ำ สามารถติดตั้งระบบอาวุธนำวิถี สามารถยิงใส่เป้าหมายทั้งใต้น้ำและบนฝั่ง มีท่อยิงตอร์ปิโด 6 ท่อ สามารถติดตั้งระบบอาวุธตอร์ปิโดและทุ่นระเบิด อายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ตามไทยเคยมี "เรือดำน้ำ" เข้าประจำการได้แก่ ร.ล.มัจฉาณุ, ร.ล.วิรุณ, ร.ล.สินสมุทร และร.ล.พลายชุมพล โดยทั้ง 4 ลำได้ปฏิบัติการในอ่าวไทยหลายครั้งตั้งแต่สงครามอินโดจีนทั้งการรับและส่งสายลับพลพรรคขบวนการเสรีไทย และการโจมตีเรือของฝ่ายอักษะด้วยตอร์ปิโดซึ่งได้ปลดประจำการแล้วทุกลำในปี พ.ศ. 2494
เรือฟริเกต ปัจจุบันประเทศไทยมีเรือ ฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือที่พัฒนามาจากแบบของเรือพิฆาตชั้นควังแกโทมหาราช ของกองทัพเรือเกาหลีที่ใช้มาตรฐานเดียวกับกองทัพเรือสหรัฐ เพิ่มเติมคุณสมบัติด้านการล่องหน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เรือฟริเกต สมรรถนะสูงของกองทัพเรือไทย สามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ คือบนผิวน้ำ ใต้น้ำ และอากาศ สามารถปฏิบัติการได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนทางเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ สามารถทนทะเลได้ในระดับ 8 ความสูงคลื่นประมาณ 12 เมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 30 นอต มีระยะในการปฏิบัติการไกล 4,000 ไมล์ทะเล ปฏิบัติการต่อเนื่องได้ 21 วัน ใช้กำลังพลปฏิบัติงานทั้งหมด 141 นาย โดยมีนายทหารระดับนาวาเอก เป็นผู้บังคับการเรือ
โดย เรือฟริเกต มีการออกแบบให้ใช้เทคโนโลยีในการล่องหน (ตรวจจับได้ยาก) สามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติคือ ผิวน้ำ ใต้น้ำ ทางอากาศ ผ่านเรดาร์ตรวจการณ์ระยะไกล 3 มิติ และเรดาร์ตรวจการณ์ระยะกลางสำหรับค้นหาอากาศยานและตรวจจับพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเรือและอากาศยานที่ร่วมการปฏิบัติการรบ และโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือปืนประจำเรือ
สำหรับระบบป้องกันตนเองของ เรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ประกอบไปด้วยระบบอาวุธปล่อยนำวิถี ปืนต่อสู้อากาศยาน ปืนใหญ่เรือ อาวุธป้องกันระยะประชิด ระบบเป้าลวงอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายของเรือที่สามารถทำได้ทั้งจากศูนย์กลางและแบบแยกส่วน รวมไปถึงระบบป้องกันการแพร่สัญญาณต่าง ๆ ออกจากตัวเรือและการดักจับรบกวนสัญญาณต่าง